คอลัมน์ Keep The World พาไปดูประโยชน์จากการใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ วันปีใหม่นี้ ใครยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ลองอ่านบทความชิ้นนี้ บางทีคุณอาจเปลี่ยนใจเก็บกระเป๋าไปเที่ยวธรรมชาติก็ได้ !
หลายคนอาจกำลังเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านที่ต่างจังหวัด หรือแม้แต่คนกรุงเทพฯ ก็อาจกำลังวางแผนพาครอบครัวไปเที่ยวกันอยู่
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตกันอย่างเต็มที่ ทำงานหนัก เผชิญความเครียดหลากหลายรูปแบบ เจาะลึกลงไปกว่านั้น มีข้อมูลบอกว่าเราใช้เวลาจ้องจอมือถือเฉลี่ย 70 วันต่อปีเลยทีเดียว น่าสงสารสายตาจังเลยว่าไหม
หรือแม้แต่ภาระหน้าที่ด้านการงาน ที่อาจเป็นกรงขังมิให้เราใช้เวลาไปออกกำลังกาย เดินเล่นในสวน ใช้เวลาอยู่ในพื้นที่สีเขียวสักเท่าไหร่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย และจิตใจมากอักโข
สิ่งหนึ่งซึ่งหลายคนออกมาแชร์กันในช่วงปลายปีคือ จะใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ เพราะมันช่วยฮีลใจได้ดีมาก ๆ เลย กระนี้ SPRiNG จึงชวนทุกคนไปดูกันว่าการอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมันประโยชน์กับร่างกาย และจิตใจเรายังไง
เป็นที่ทราบกันดีว่ามลภาวะทางอากาศสามารถกระตุ้นให้เราเกิดอาหารแพ้ หอบหืด ลามไปถึงโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ กระนี้ มีการศึกษาซึ่งชี้ว่าการใช้เวลาอยู่ใกล้กับพื้นที่สีเขียวลดความเสี่ยงต่อระบบทางเดินหายใจได้
ดังนั้น การใช้เวลาอยู่ในพื้นที่สีเขียว พื้นที่ซึ่งมีอากาศหมุนเวียนสูง อาทิ การออกไปตั้งแคมป์ เดินเล่นระแวกสวนแถวบ้าน อาจช่วยให้คุณหายใจได้ถนัดถนี่ขึ้น ดีกว่าการอยู่ในสังคมซึ่งคลุ้งมลพิษในเมืองอย่างแน่นอน
มีคำกล่าวว่า นาฬิกาในร่างกายเราเคลื่อนไหวไปตามแสงอาทิตย์ กล่าวคือ คุณจะตื่นตอนกลางวัน และเริ่มหาวในตอนกลางคืน ดังนั้น ในแวดวงสุขภาพก็จะแนะนำกันว่า ออกไปรับแสงแดดบ้าง วันละกี่นาทีเอาตามแต่สะดวก เพราะมันจะช่วยให้คุณ นอนหลับได้ดี คุณภาพการนอนดีขึ้น
ตลอด 1 ปี เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยสายตาไม่จ้องหน้าคุณ ก็เป็นหน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งเสียสุขภาพสายตาไม่น้อย ทั้งยังเพิ่มความเครียดให้เราโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าคุณลองไปใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ชาร์จพลังกับสีเขียว ๆ เสียงนกร้อง กลิ่นหอมของดอกไม้ และในที่สุด เราก็จะนิ่งขึ้น มีสมาธิมากขึ้น เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคง
ข้อมูลระบุว่า การไหลเวียนของอากาศทำให้ไวรัสบางชนิดเจือจางลงได้ และจุลินทรีย์ที่พบในธรรมชาติ ซึ่งไม่เป็นอันตราย สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันกับร่างกายให้เราได้ เพื่อเตรียมร่างกายให้เราพร้อมสำหรับเจอเชื้อที่รุนแรงกว่านี้
หลายต่อหลายครั้งที่มีคนออกมาแชร์ว่าได้ออกไปพายเรือ เดินป่า แคมปิ้ง หรือการไปท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติ ติดใจจนอยากกลับไปอีก และไลฟ์สไตล์ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง บางคนออกมาวิ่งบ่อยขึ้น ทุกคนมีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ
ใครที่กำลังลังเลอยู่ ลองดู ใช้เวลาช่วงวันหยุดยาวใช้เวลาใกล้ชิดกับธรรมชาติให้มากขึ้น ทำเท่าที่ทำไหว ทำเท่าที่ทำได้ เสร็จแล้วมาแชร์กันหน่อยนะว่ารู้สึกอย่างไร มันเป็นแบบที่เราหยิบมาเล่าให้ฟังไหม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง