SPRING พาไปดูพิมพ์เขียวระบบการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ ที่ล่าสุด สอนให้เด็ก ๆ เรื่องธรรมชาติ วิธีคัดแยกขยะ เรียนรู้วิถีชีวิตของสัตว์น้ำ เพื่อให่เติบโตเป็นบุคคลากรที่เป็นมิตรกับโลก
ว่ากันว่าเด็กวัยอนุบาล เป็นวัยที่เริ่มต้นเรียนรู้การใช้ชีวิต ชี้มือชี้ไม้ ทำความรู้จักสิ่งรอบ ๆ ตัว พ่อและแม่อยากให้เด็กเกิดการเรียนรู้ จึงส่งเด็ก ๆ เข้าสู่ระบบการศึกษา ซึ่งแต่ละประเทศออกแบบหลักสูตรไม่เหมือนกัน รวมถึงโจทย์ใหญ่ของแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน ในกรณีของประเทศไทยจะเน้นไปที่การเรียนการสอนที่เน้นการเรียน เรียนเขียน และอ่าน
กระทั่งมีคำถามว่า ปล่อยให้เด็กเล่น หรือเรียกหนัก รูปแบบใดเหมาะสม และช่วยให้เด็กมีทักษะเอาตัวรอดในยุคปัจจุบันได้ดีกว่ากัน SPRiNG พาทุกคนไปสอดแนมการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งสนับสนุนให้เด็กได้ใช้เวลากลางแจ้ง เรียนรู้ธรรมชาติ รวมถึงสอนให้เด็ก ๆ ใช้ชีวิตที่ไม่เป็นพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อม พวกเขาทำอย่างไร ติดตามได้ที่บทความนี้
เฮลซิงกิ เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ ถือเป็นเมืองที่เอาจริงเอาจังกับระบบการศึกษามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เห็นได้จากนโยบายด้านการศึกษา อาทิ จัดให้มีการศึกษาฟรีสำหรับเด็ก มีทุนเรียน มีนโยบายต่อต้านการข่มเหงรังแกในโรงเรียน มีเมืองที่เป็นมิตรต่อทั้งสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยมากพอที่เด็ก ๆ สามารถเดินไปโรงเรียนเองได้
ล่าสุด โรงเรียนอนุบาลในเฮลซิงกิได้ปรับวิธีการเรียนการสอนใหม่ โดยให้เด็ก ๆ ระดับชั้นอนุบาลใช้เวลานอกห้องเรียน ทั้งวันไม่ต้องเข้าห้องเรียน ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ในสวน หรือไม่ครูก็พาไปเดินป่าเพื่อเรียนรู้สิ่งละอันพันละน้อยในธรรมชาติ
กิจกรรมส่วนใหญ่ของเด็ก ๆ คือ สร้างสะพานกิ่งไม้ เก็บผลไม้ ปีนต้นไม้ และสังเกตสัตว์ทะเล โดยจะมีคุณครูสามคนต่อนักเรียนหนึ่งกลุ่มคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ ถ้าเห็นว่าใครสวมเสื้อสีส้มสะท้อนแสง นั่นแหละคือคุณครู
หลาย ๆ ประเทศเริ่มลงทุนพัฒนาคุณภาพมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่โลกปั่นป่วน การฟูมฟักเด็ก ๆ ให้เติบโตไปแบบมีคุณภาพถือเป็นสิ่งสำคัญ
คุณ Annina Kuusisto ศาสตราจารย์ด้านปฐมศึกษาที่มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ เปิดเผยว่า การเรียนการสอนในรูปแบบนี้ เด็ก ๆ จะเติบโตด้วยทัศนคติที่เป็นมิตรกับโลก ปกป้องธรรมชาติ ใส่ใจเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทั้งยัง แถมยังมีการสอนให้แยกขยะ ทิ้งขยะยังไง รีไซเคิลยังไง
การศึกษาวิจัยในฟินแลนด์พบว่าการเล่นในหญ้าและพุ่มไม้ เช่น ต้นเฮเทอร์และบลูเบอร์รี่ที่ปลูกในลานอนุบาลของศูนย์รับเลี้ยงเด็ก 4 แห่ง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเด็กอายุ 3-5 ขวบได้ภายใน 28 วัน
นักวิจัยพบว่าความหลากหลายของจุลินทรีย์เพิ่มขึ้นบนผิวหนังและในลำไส้ของเด็กที่เล่นกลางแจ้งท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีเป็นประจำ ซึ่งบ่งชี้ว่าระบบภูมิคุ้มกันมีสุขภาพแข็งแรง
ขณะที่ข้อมูลงานวิจัยของ Aki Sinkkonen นักวิจัยจากสถาบันทรัพยากรธรรมชาติฟินแลนด์ ระบุว่า การที่ปล่อยให้เด็กได้เรียนรู้ และสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ช่วยป้องกันความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันได้