SHORT CUT
สฤษดิ์ ครูแนท โอนลี่แฟน เกี่ยวข้องกันยังไง? เพราะเหตุใดหนังโป๊ไทยถึงอยู่ใต้ดิน? สะท้อนคุณค่าของหนังโป๊ไทยหากอยากมีหวังต้องนำขึ้นมาบนดินอย่างเปิดเผย
สังคมไทยเผชิญการตั้งคำถามว่าสื่อ 18+ หรือหนังโป๊เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรมทางสังคม แต่ไม่มีใครตั้งคำถามว่าเราจะอยู่ร่วมสิ่งเหล่านี้และทำให้สังคมเข้าใจเรื่องเซ็กส์อย่างเปิดเผยและถูกต้องได้อย่างไร
อันที่จริงแล้วการทำให้หนังโป๊หรือสื่อที่มีเรื่องเพศให้อยู่ใต้ดินกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายไม่ได้พึ่งเกิดขึ้นในสังคมไทย
ผศ.ดร.โดม ไกรปกรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พาไปย้อนประวัติศาสตร์ ตั้งแต่กำเนิดเรื่องเสียว ตลอดจนสฤษดิ์ ครูแนท ถึงโอนลี่แฟน
มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และความหวังของวงการสื่อ 18+ ของไทยจะไปได้ไกลอย่างไร
หากย้อนไปในประวัติศาสตร์เรื่องเพศปรากฏในสังคมไทยทุกยุคทุกสมัย ในมุมมองของ ผศ.ดร.โดม มองว่าการเริ่มต้นการโชว์เรื่อง 18+ ในประเทศไทยเริ่มต้น หากไล่ดูตามประวัติศาสตร์ต้องบอกก่อนว่าสังคมไทยเราเป็นเรื่องของการแสดงโชว์สรีระร่างกายของผู้หญิง ตัวอย่างเช่นเรื่องตึกสวรรค์ชั้น 7 แถวเยาวราช มีโชว์ดูกันเป็นเรื่องปกติในสมัยรัชกาลที่ 5
พัฒนาการของเรื่องดังกล่าวมีมาอย่างต่อเนื่อง ผศ.ดร.โดม เล่าว่าพอมาถึงสมัยรัชกาลที่ 6 เริ่มปรากฏสื่อ 18+ ในแง่ของการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือหรือเรียกง่ายๆ ว่าวรรณกรรม คําว่าโป๊ยังไม่ได้เป็นภาพยุคนั้นเป็นเหมือนกับนิยายให้จินตนาการภาพเอา ผศ.ดร.โดม กล่าว
ผศ.ดร.โดม ชี้ให้เห็นว่าอันที่จริงแล้วสังคมในสมัยรัชกาลที่ 5-6 ยังมีพื้นที่สำหรับสื่อเหล่านี้อยู่พอสมควร หากถามว่าการบริโภคสิ่งเหล่าเป็นธุรกิจมืดหรือคำตอบคือไม่
ผศ.ดร.โดม ย้ำอีกครั้งว่า สังคมมันก็มีพื้นที่ให้กับสิ่งเหล่านี้อยู่พอสมควร ยังไม่ได้ถือว่าเป็นธุรกิจมืดในนั้นในช่วงเห็นได้จากโซนเยาวราชเรื่องตึกสวรรค์ชั้น 7 รัฐมีการเก็บเงินเก็บรายได้จากธุรกิจแบบหนึ่ง
ตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 6 ถึงยุครัฐบาลคณะราษฎรสื่อ 18+ หรือหนังโป๊ยังเป็นเรื่องถูกกฎหมายอยู่ จนกระทั่งยุคทศวรรษที่ 2490 และยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชติ์ เรืองอำนาจเรื่องดังกล่าวถูกทำให้ผิดกฎหมายแต่ขณะเดียวกันเกิดการพัฒนาสื่อ 18+ กลายเป็นภาพแล้ว ผศ.ดร.โดม เล่าว่า 2490 ถึงจอมพลสฤษดิ์ ปรากฏว่าพวกสื่อสิ่งพิมพ์ 18+ เป็นภาพแล้ว
“เป็นภาพแล้วนะเป็นภาพแบบที่เราเรียกว่าหนังสือโป๊ก็ได้ มันเริ่มปรากฏขึ้นมาเป็นรูปภาพ จนถึงทศวรรษ 2500 เราเริ่มเห็นว่ารัฐเริ่มแสดงบทบาทของความพยายามที่จะเข้าไปควบคุมและก็จัดการกับเรื่องของภาพโป๊”
ผศ.ดร.โดม กล่าวสะท้อนให้เห็นการพัฒนาการของสื่อ 18+ ในประเทศไทย และบทบาทของรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ที่ค่อยๆ เข้ามาจัดระเบียบหนังโป๊
ยกตัวอย่างอย่างภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลคลองเมืองนี่คือภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการจัดการวัยรุ่นในยุคนั้น ขณะเดียวกันรัฐตอนนั้นพยายามเล่นบทบาทของตํารวจศีลธรรมเขาจะจัดการกับสิ่งที่ดูขัดแย้งกับศีลธรรม
จอมพลสฤษดิ์ เล่นบทบาทการเป็นตํารวจศีลธรรมอย่างชัดเจน ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์ลามกดันออกมาถี่ด้วย (ผศ.ดร.โดม เล่าพร้อมหัวเราะ) จังหวะลงกันพอดีเขาก็ต้องไปแสดงความเป็นตํารวจ
ต่อมาเมื่อ จอมพลสฤษดิ์ เสียชีวิต จอมพลถนอม กิตติขจร ขึ้นมามีอำนาจ ได้รักษาสืบสานแนวทางของ จอมพลสฤษดิ์ เพราะฉะนั้นเรื่องของการจัดการสื่อลามกเป็นเรื่องที่ จอมพลถนอม มองว่าทำให้เกิดอาชญากรรม เพราะรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ถึงจอมพลถนอมเป็นรัฐบาลที่พยายามสร้างกฎระเบียบ
โดยรัฐบาลมองว่าสื่อที่เป็นสิ่งล่อตาล่อใจ หรือหนังสือโป๊จึงเป็นอันตรายจึงต้องควบคุม ลองคิดดูเรื่องของการควบคุมกามารมณ์จึงเห็นได้ชัดตั้งแต่สมัย จอมพลสฤษดิ์
ผศ.ดร.โดม อธิบายว่าหลักฐานที่เห็นได้ชัดคือ รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ควบคุมเรื่องของโสเภณี เป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ทำให้ซ่องเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งที่จริงแล้วซ่องมีมาตั้งแต่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนถึงคณะราษฎรเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายด้วยซ้ำไป
แต่เมื่อถามว่าควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ คำตอบคือไม่ เพียงแต่มันเป็นสิ่งที่กำลังกลายเป็นธุรกิจมืด
ถึงแม้จะเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยเบ่งบานหลัง 14 ตุลาคม 2516 ถึงแม้บรรยากาศทางการเมืองจะเป็นเสรีมากขึ้น แต่เรื่องทางศีลธรรมกลายเป็นเรื่องที่รัฐต้องเข้าไปควบคุม
ยิ่งตลกร้ายเข้าไปอีก เมื่อบรรยากาศทางการเมืองหมดไปในปี 2519 เข้าสู่ยุคเผด็จการพลเรือน ธานินทร์ กรัยวิเชียร จนถึงยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) รัฐบาลตั้งแต่ทศวรรษ 2510 ถึง 2530 รัฐบาลยังคงลักษณะการเป็นตำรวจศีลธรรม จึงเข้าไปควบคุมสื่อ 18+ อยู่เพราะมองว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรมอันดี
แต่ขณะที่รัฐพยายามควบคุม ยุคหนังสือโป๊กลับรุ่งเรือง เห็นได้จากหนังสือ ไทยเพลย์บอย ของ เฮียกังฟู (ชูชาติ ธนมงคลชัย) นิตยสารดังกล่าวเริ่มต้นทำในปี 2519 ถือว่าได้ขายดีอยู่พอสมควร
ผศ.ดร.โดม กล่าวว่ามันทำให้เห็นภาพว่าถึงแม้รัฐบาลพยายามที่จะควบคุมจัดการกับสื่อเหล่านี้ แต่ผู้ประกอบการและเอกชนก็ยังทำอยู่กลายเป็นธุรกิจกึ่งมืด เพราะไทยเพลย์บอย ก็ยังวางขายอยู่ตามแผงทั่วไปไม่ได้ควบคุมได้ เพราะเมื่อมีการจับก็ค่อยๆ ซาไป แต่เมื่อไม่ค่อยเข้มงวดสื่อดังกล่าวก็กลับมาวางแผงขายใหม่
แต่ปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้นเมื่อ เฮียกังฟู โดนจับตอนปี 2538 ข้อหาที่โดนคือโดนข้อหาการสนับสนุนการมีเพศสัมพันธ์แบบสวิงกิ้ง เพราะนอกจากทำหนังสือแล้วยังมีเวทีสนทนาแลกเปลี่ยนของคนที่มีรสนิยมทางเพศบางอย่าง
แต่เมื่ออยู่ในคุกยังทำหนังสือ 18+ มีคนมารับต้นฉบับไปพิมพ์ หลังออกจากคุกก็กลับมาทำหนังสืออีกรอบหนึ่ง แต่ก็โดนจับรอบที่ 2 ข้อหาสำเร็จความใคร่ให้ผู้อื่นโดนไม่มีอามิสสินจ้าง ฉะนั้นเป็นหลักฐานที่รัฐเล่นบทบาทเป็นตำรวจศีลธรรม แต่ขณะเดียวกันเมื่อรัฐยิ่งควบคุมสื่อ 18+ ยิ่งถูกดันไปอยู่ใต้ดิน
ผศ.ดร.โดม ชวนคิดว่าถึงแม่สื่อสิ่งพิม์ 18+ ไปอยู่ใต้ดินแต่คนก็ยังเสพ
“สะท้อนให้เห็นว่าตั้งแต่ทศวรรษ 2510 ถึง 2530 สื่อ 18+ ที่เราพูดถึงคือโลกของสื่อสิ่งพิมพ์”
ผศ.ดร.โดม อธิบายว่าเมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 2540 เกิดสื่อแบบใหม่ขึ้นมา นั่นคือหนังแผ่น หรือ โฮมวิดีโอ ที่มาถึงจุดสูงสุดในปี 2543 เป็นช่วงจังหวะที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (PC) และเครื่องอ่านแผ่นแผ่หลายไปเยอะแล้ว
เมื่อมีสิ่งนี้ขึ้นมาทำให้โฮมวิดีโอได้รับความนิยมไม่มีเพียงแต่หนังรัก หนังบู๊ แต่ยังรวมไปถึงหนังโป๊ หนังเรท X เรท R อีกด้วย
ช่วงนี้เองเป็นช่วงที่ครูแนทเกิดขึ้นมา ในบริบทยุคที่โฮมวิดีโอถึงจุดสูงสุด ในขณะเดียวกันช่วงนี้ที่คนหันมาทำหนังแผ่นเพราะตลาดหนังทั่วไปลักษณะหนังที่มีให้เราเลือกดูอยู่ไม่กี่เรื่อง เป็นยุคที่โรงภาพยนตร์มีหนังฉายอยู่ไม่กี่เรื่อง หมายถึงว่าเราไม่มีตัวเลือกมากนัก ทำให้โฮมวิดีโอเป็นที่นิยมในตอนนั้น เพราะคนดูสามารถเลือกดูหนังที่ตนเองอยากดูได้ ไม่ต้องไปดูหนังที่เลือกไม่ได้ เป็นการตอบสนองต่อตลาดผู้บริโภคตอนนั้น
ขณะเดียวกันหนังเรท R เรท X ก็หาซื้อได้ทั่วไป นำไปสู่เรื่องของครูแนท
ผศ.ดร.โดม เล่าว่าคุณแนท เกศริน ชัยเฉลิมพล ไม่ได้รับการศึกษาที่สูงนัก งานที่เธอเรียกคือเธอต้องการเข้าสู่วงการบันเทิง หากนึกภาพคุณจะเข้าสู่วงการบันเทิงในตอนนั้น คนที่ไม่ได้รับการศึกษาที่สูงจะเข้าสู่การเป็นดาราค่ายหนังใหญ่ๆ ได้ยาก
เพราะฉะนั้นตลาดที่จะเข้าได้คือเข้าสู่วงการหนังแผ่น ทำให้เธอโด่งดังวงการหนังแผ่น 18+ ก็พีคอยู่เกือบ 10 ปี นั่นแปลว่าวงการหนังแผ่น 18+ ยุคนั้นขายดีอยู่พอสมควร
เมื่อมองไปที่เป็นเรื่องผิดศีลธรรมไหม ผศ.ดร.โดม ชวนมองว่าหากใช้เลนส์เรื่องศีลธรรมบวกเรื่องตัวบทกฎหมายยังไงก็ผิด
ปิดหัวนมเรท R เปิดหัวนมเรท X หนังแผ่นเรื่องนี้ก็เล่นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่าผิดกฎหมายไหมก็หมิ่นๆ หน่อย
ผศ.ดร.โดม วิเคราะห์ว่า ช่างแอร์ในตำนานนั้นเป็นเพียงตัวประกอบของเรื่อง “น้องเมียพันธ์X” แต่ไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่สิ่งที่ทำให้ดังคือฉากที่ผู้หญิงนุ่งผ้าขนหนูแล้วแอร์เสีย จึงเรียกช่างแอร์มา พร้อมกับคุยโทรศัพท์กับเพื่อนพูดถึงเรื่อง 18+
พร้อมพูดกับช่างแอร์ถึงเรื่องขนาดอวัยวะเพศ ช่างแอร์จึงพูดว่า “ผมไม่เล็กนะครับ” หลังจากนั้นก็กลายเป็นเรื่อง 18+
แต่ที่น่าสังเกตว่าทำไมวลี “ผมไม่เล็กนะครับ” ทำไมมันดัง ผศ.ดร.โดม คิดว่ามีบริบทหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคหนังที่เป็นผู้ชายรู้สึกอินและรู้สึกกับประโยคนั้น เห็นได้จากคอลัมน์หนังสือพิมพ์ในยุคนั้นที่มีเรื่องปรึกษาปัญหาทางเพศ ในยุคนั้นเป็นช่วงที่ผู้ชายไทยอินเรื่องขนาดของอวัยวะเพศ ปรากฏว่าการทำหนังเรื่องนี้ทำให้โดนใจผู้ชายในยุคนั้นหลายๆ คน
เมื่อสิ้นสุดทศวรรษ 2550 หนังแผ่นเข้าสู่จุดซบเซา เหตุผลเพราะเทคโนโลยีในการดูหนังเปลี่ยนไป ระบบสตรีมมิ่งและอินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามา ทำให้มีหนังให้ดุได้เยอะแยะหรือที่เรียก “หาวาร์ปดู” เผลอๆ ดูในโลกอินเทอร์เน็ตสามารถดูต่างชาติ รวมถึงดุหนังแนวใหม่ๆ ได้ด้วย อ.โดม กล่าว
ขณะที่หนังเรท X เรท R บ้านเราใช้ดาราซ้ำโครงเรื่องไม่เปลี่ยน ในแง่ของผู้บริโภคเกิดอาการเบื่อ ขณะที่เทคโนโลยีดูหนังใหม่ๆ เข้ามาทำให้ผู้บริโภคมีช่องทางในการดูมากขึ้นทำให้หนังแผ่นหมดหน้าที่ไป
กลายเป็นว่าการบริโภคสื่อ 18+ ได้เปลี่ยนช่องทางจากหนังแผ่นสู่โลกอินเทอร์เน็ตไป เดี๋ยวนี้จึงเข้าสู่โลก Onlyfans เปลี่ยนวัฒนธรรมและแพลตฟอร์มการบริโภคสื่อ 18+ ไป
ผศ.ดร.โดม ชวนมองว่า ณ ปัจจุบันอยู่ในยุคที่ใครๆ ก็ทำหนังได้ เพราะมีเว็บไซต์ที่แพลตฟอร์มที่รองรับ สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องเหล่านี้มีในสังคมไทยมาโดยตลอด แค่เปลี่ยนไปตามบริบท
ญี่ปุ่นโมเดลความฝัน ความหวัง ที่ต้องก้าวไปให้ถึงเพื่อให้ไทยอยู่ร่วมกับสื่อ 18+ ได้
แต่สิ่งที่ตามมาถึงแม้ว่าสื่อ 18+ ไทยจะอยู่คู่กับสังคมไทยมาโดยตลอด แต่มักถูกด้อยค่าและถูกทำให้เป็นเรื่องที่ผิด แล้วทำไมสังคมไทยถึงไม่สามารถทำให้เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่ร่วมกับสิ่งนั้นและสามารถต่อยอดสร้างรายได้ให้ประเทศได้ ผศ.ดร.โดม ชวนมองไปเทียบกับประเทศญี่ปุ่น
เพราะในญี่ปุ่นมีภาพยนตร์ที่เรียกกันว่า Adult Videos หรือ AV เป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้กับญี่ปุ่น ดาราจำนวนหนึ่งก้เป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน ถามว่าธุรกิจญี่ปุ่นขึ้นมาวางได้ เพราะญี่ปุ่นใช้ระบบจัดเรท เคร่งครัดกับเรื่องการขายไม่ใช่ว่าเด็กจะซื้อได้ มีระบบที่ควบคุมด้วยกฎหมายด้วยระดับหนึ่ง
ในสังคมญี่ปุ่นที่ไม่มีปัญหา เพราะรัฐและราชการไม่ต้องการทำตัวเป็นตำรวจศีลธรรมอย่างเหนียวแน่นที่ต้องควบคุมทุกอย่าง เพียงควบคุมเรื่องช่องทางการบริโภค
ขณะเดียวกันนิตยสารโป๊ หนังโป๊ การ์ตูนโป๊ ในญี่ปุ่นวางขายทั่ว แต่เขาไม่ได้ห้ามไม่พยายามปิดกั้น ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนแผงได้ ขณะเดียวกันก็สร้างรายได้ให้กับประเทศ ขณะที่บ้านเราพยายามใช้หลักศีลธรรมไปเชื่อมเรื่องความรู้สึก
ผศ.ดร.โดม ย้ำว่า ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าปล่อยอิสระแล้วฟรีเลย แต่ให้ดูโมเดลญี่ปุ่นที่ควบคุมช่องทางการบริโภคที่เกี่ยวกับอายุ ขณะที่ของไทยต้องการควบคุมแบบตัดตอน
หากถามกลับไปตลกร้ายที่เกิดขึ้นควบคุมได้จริงหรือเปล่า คำตอบคือไม่เห็นได้จากยุคของหนังสือโป๊ก็ซื้อกันใต้แผงได้ ผศ.ดร.โดม ยกตัวอย่างเช่นตอนเป็นเด็กๆ อยู่ในช่วงสนามหลวงยังเป็นตลาดหนังสืออยู่ เมื่อเดินไปซื้อหนังสือในช่วงเรียนมัธยมต้น มีคนมาเดินมาถาม “เอาหนังสือโป๊ไหมน้อง” ปรากฏว่าเพื่อนผมอยากดู เดินตามคนขายหนังสือไป เห็นรูปโป๊ที่ตัดเป็นรูปยัดไว้ในหนังสือ
ที่ยกตัวอย่างคือทำให้เห็นกระบวนการที่ทำให้เห็นการซื้อขายใต้แผง หากทำแบบญี่ปุ่นยกขึ้นมาบนแผง อย่าพยายามควบคุมด้วยศีลธรรม แล้วควบคุมด้วยอายุ นั่นจะทำให้ควบคุมช่องทางบริโภคของพวกเขาได้การควบคุมอย่างถูกกฎหมายทำให้มีประสิทธิภาพกว่าการที่จะไปปิดกั้นกดทับแบบที่ไทยทำ ผศ.ดร.โดม กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง