SHORT CUT
"แพทองธาร" ยันไม่หนีภาษี วงการธุรกิจทำ PN กันปกติเมื่อไม่มีกระแสเงินสด ลั่น "มั่นใจว่าอายุน้อยแต่เสียภาษีมากกว่าท่าน" จะชำระหนี้ให้ญาติและเสียภาษีในปีหน้า
วันที่ 24 มี.ค. 68 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบฝ่ายค้านในวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งแรก กล่าวว่า สมาชิกที่เข้าใจว่าตัวเองเป็นจอมยุทธ์ ท่านกำลังสำคัญผิดในข้อเท็จจริง การใช้สำนวนโวหารให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน เอาเรื่องภาษีคนละหมวดมาอภิปรายให้ประชาชนสับสน การกล่าวหาว่า "นายกฯคนนี้ หนีภาษี" ไม่เป็นความจริงเลย จริงๆแล้วเป็นเรื่องตรงที่กันข้าม เพราะถึงแม้ตนจะอายุน้อยกว่า แต่มั่นใจว่าเสียภาษีให้กับรัฐมากกว่าแน่นอน
แพทองธาร กล่าวว่า บัญชีทรัพย์สินหนี้สินของตน ได้แสดงต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ดำรงตำแหน่ง ได้ยื่นครบถ้วนตามขั้นตอน และขณะนี้มีการยื่นคำร้องเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ตนยินดีอย่างยิ่งที่จะแสดงข้อมูลหลักฐานทุกอย่างที่ ป.ป.ช.ขอมา จนกว่าจะได้ข้อสรุป
ส่วนเรื่องธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวถึง ทรัพย์สินหนี้สินของตนและครอบครัว ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นตั้งแต่หลังรัฐประหารปี 2549 เข้มข้นมาตลอด ทุกบัญชีทุกธุรกรรมอยู่ในที่เปิดเผยและโปร่งใสมานานมากแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่ดินทุกแปลง ทุกตารางวา ที่ตนและครอบครัวมี ออกโฉนดโดยรัฐทั้งหมด ไม่มีการซื้อที่ดินที่ไม่มีโฉนด
การทำธุรกรรมเรื่องหุ้นที่ถูกพูดถึงเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนเข้าสู่การเมืองหลายปี ซึ่งมีความตั้งใจในการปรับโครงสร้างของหนี้บริษัท โดยการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ PN เป็นหนังสือที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกบุคคลหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งหนังสือดังกล่าวตนเองได้ติดอากรแสตมป์ตามกฎหมายเรียบร้อย
ซึ่งการซื้อขายแบบนี้ บางรายการก็ไม่มีการเสียภาษี เนื่องจากยังไม่มีการชำระเงิน ก็เลยยังไม่ทราบจำนวน และยังเสียภาษีไม่ได้ การซื้อขายแบบนี้ จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างตนเองผู้เป็นผู้ซื้อ และครอบครัว ที่เป็นผู้ขาย ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใด ๆ หากจะเกิดการซื้อขายต่าง ๆ ยอดหนี้ที่เห็น ต้องแสดงชัดเจนอยู่ในบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งได้ยื่น ป.ป.ช. ไปหมดแล้ว ก็ตรวจสอบได้เช่นกัน
"การปรับโครงสร้างต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ ลองถามสมาชิกฝ่ายค้านในพรรคท่านเองก็ได้ ว่ามีใครทำธุรกิจอะไรประมาณนี้ไหม และมีการทำในเรื่องของตั๋วสัญญาใช้หนี้แบบนี้หรือไม่ โดยถ้ามีก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถือเป็นเรื่องปกติ"
ส่วนที่มีการอ้างว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นแหล่งทุจริตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จะออกตั๋วสัญญาใช้เงินขบวนการค้ายาเสพติด จะออกตั๋วให้กัน ตนเองว่าเรื่องนี้อาจจะจินตนาการมากไปเยอะอยู่เหมือนกัน การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จะใช้กับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการได้โดยเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อเอง และฝ่ายผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใด ๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหน ออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาขอเงินไม่ได้ มันก็ไม่สามารถทำได้
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การเลือกใช้วิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินแทนการรับให้ เพราะเป็นการดำเนินการธุรกิจอย่างเปิดเผย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำคือไม่สามารถแอบทำได้ ต้องถูกกฎหมาย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างหุ้น จำเป็นต้องใช้การซื้อขาย แต่ ณ เวลานั้น ตนเองไม่ได้มีความพร้อมที่จะชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน ซึ่งได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว พูดคุยกันในครอบครัวอยู่แล้วว่ามีแผนที่จะชำระอยู่แล้ว ซึ่งรอบแรกจะเกิดขึ้นภายในปีหน้านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนและครอบครัวตกลงกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร แน่นอนว่าเมื่อเกิดการซื้อขายเกิดขึ้น หลักฐานจะปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของตนอย่างแน่นอน และ ป.ป.ช. ก็ตรวจสอบได้อีกเช่นกันก็โปร่งใส พอมีการซื้อขาย และจ่ายภาษีเกิดขึ้น ยังไงก็หลบการจ่ายภาษีไม่ได้
“อย่างน้อย ๆ เราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน มั่นใจว่าทุก ๆ คนก็หวังดีกับประเทศไทยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การพูดเพื่อให้คนเกิดความเกลียดชังหรือความแตกแยก ดิฉันคิดว่าเราผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ”
ต่อมานายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ผู้อภิปรายประเด็นดังกล่าวลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิง ระบุว่า ท่านนายกฯ จะเสียภาษีมากกว่าใคร นั่นเป็นหน้าที่ของท่านนายกฯ อยู่แล้ว มั่นใจว่าคนไทย 60 ล้านคนหรือมากกว่านั้นเสียภาษีน้อยกว่านายกฯ ทั้งนั้น แต่รัฐธรรมนูญ ม.69 ว่าบุคคลมีหน้าที่เสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติ ประชาชนจะเสียมาก เสียน้อย ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน
เสียภาษีมากน้อยไม่สำคัญ ถ้าคนตัวเล็กตัวน้อยเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติถือว่าทำได้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแล้ว เสียภาษีมาก แต่หาเทคนิคในการหลบเลี่ยงหนีภาษีต่างหากที่น่ารังเกียจ