"ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร" ส.ส.เชียงใหม่ จากพรรคประชาชน ชี้ รัฐบาลแก้ฝุ่น PM 2.5 ล้มเหลว ซัด "อิ๊งค์" เป็นภัยต่อสุขภาพประชาชน
นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ส.ส.เชียงใหม่ จากพรรคประชาชน (ปชน.) ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเกี่ยวกับการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ยังคงอยู่ในระดับอันตรายและไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง โดยเฉพาะการแถลงผลงานของนายกรัฐมนตรี "แพทองธาร ชินวัตร" ที่เขามองว่าเป็นการโกหกประชาชน และไม่มีความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา
นายภัทรพงษ์กล่าวว่า ปี 2567 นี้ ประเทศไทยเผชิญภัยพิบัติหลายประการ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง และฝุ่นพิษที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น แต่สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือการมีนายกรัฐมนตรีที่ขาดความรู้และความสามารถในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเขามองว่าไม่สามารถลดลงได้ตามที่รัฐบาลประกาศ
ภัทรพงษ์ได้กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากรัฐบาล โดยเขาชี้ว่า 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลยังคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษที่สะสมในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีการพูดถึงแผนการต่างๆ ที่ถูกนำเสนอมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการลดปัญหาฝุ่นที่เกิดขึ้น
“ปี 2567 นี้ ประเทศไทยเผชิญภัยพิบัติหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ภัยแล้ง และฝุ่นพิษที่ทวีความรุนแรงขึ้น แต่สิ่งที่หนักที่สุด คือการมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ทั้งที่เป็นปัญหาที่ทุกคนรู้ดี แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ทำอะไรเลย” นายภัทรพงษ์กล่าว
หนึ่งในประเด็นที่นายภัทรพงษ์ได้กล่าวถึงคือการแถลงผลงานของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามข้อมูลที่นายภัทรพงษ์นำมาอ้างอิง พบว่า การลดลงของฝุ่น PM 2.5 ที่รัฐบาลอ้างนั้นขัดแย้งกับข้อมูลจริงที่ได้จากกรมควบคุมมลพิษ โดยนายกฯ
ได้แถลงว่า ฝุ่นลดลงทั่วประเทศ 6% แต่เมื่อดูจากข้อมูลจริงในปี 2568 พบว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ 6% และในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มขึ้นถึง 20% ซึ่งนายภัทรพงษ์มองว่าเป็นการโกหกประชาชนเพื่อปกปิดความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษที่ยังคงมีอยู่
“ความจริงคือฝุ่นพิษในปีนี้กลับเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่อื่นๆ ขณะที่รัฐบาลพยายามนำเสนอข้อมูลที่ผิดเพื่อลดแรงกดดันจากสังคม” นายภัทรพงษ์กล่าว
นายภัทรพงษ์ยังกล่าวถึงปัญหาการเผาอ้อยที่เกิดขึ้นเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดฝุ่น PM 2.5 โดยเขาชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในการรายงานข้อมูลการเผาอ้อยจากรัฐบาล ซึ่งข้อมูลที่นำเสนอโดยรัฐบาลไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเขามองว่า รัฐบาลไม่สามารถควบคุมการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังขาดการออกกฎระเบียบที่ชัดเจนในการจัดการกับปัญหานี้
“รัฐบาลได้พูดถึงการลดพื้นที่การเผาอ้อย แต่จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าพื้นที่การเผามีมากกว่าที่รัฐบาลประกาศอย่างมาก การเผาอ้อยยังคงเป็นปัญหาที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้” นายภัทรพงษ์กล่าว
ส.ส.เชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าจะมีฝนช่วยลดปริมาณฝุ่นในบางพื้นที่ แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการจัดการอย่างจริงจัง นายภัทรพงษ์ยังได้กล่าวถึงการสั่งการจากนายกรัฐมนตรีที่มีความล่าช้าและไม่มีความชัดเจน ซึ่งเขามองว่าเป็นการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพและไม่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน
“การสั่งการลวกๆ และไม่มีการดำเนินการที่ชัดเจนทำให้หน่วยงานต่างๆ ไม่เห็นความสำคัญของคำสั่ง และสุดท้ายประชาชนคือผู้ที่ได้รับผลกระทบ” นายภัทรพงษ์กล่าว
นายกฯ ไม่มีความรู้ความสามารถ
ในที่สุด นายภัทรพงษ์ได้กล่าวถึงปัญหาที่สำคัญที่สุด ซึ่งคือการขาดความรู้และความสามารถในการเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยเขามองว่า การขาดความเข้าใจในปัญหาที่แท้จริงและการขาดภาวะผู้นำทำให้ประเทศไม่มีทิศทางในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 และปัญหาสังคมอื่นๆ ที่เกิดขึ้น
“ถ้าประเทศยังมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีความรู้ความสามารถและไม่พร้อมที่จะทำงานแบบนี้ เราคงไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจัง ปัญหาจะยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่รู้จบ” นายภัทรพงษ์กล่าว
นายภัทรพงษ์กล่าวอีกว่า หากประเทศไทยยังคงมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีความรู้ความสามารถและการตัดสินใจที่ช้าแบบนี้ ประเทศจะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ หากทุกอย่างยังคงรอให้ "นายทุน" จูงจมูกไปเรื่อยๆ จะไม่มีทางที่ประเทศจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ปัญหาที่รุนแรงที่สุดคือ "ลมหายใจจากประชาชน" ซึ่งไม่ควรต้องขอร้องจากนายทุน
"อำนาจอยู่ในมือแล้ว ทำไมถึงไม่กล้าใช้? ทำงานแบบนี้ถึงไม่มีใครให้ค่าเลย เพราะแทบจะทุกหน่วยงานที่ไม่ได้ทำตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี" นายภัทรพงษ์กล่าว พร้อมเสริมว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่มีภาวะความเป็นผู้นำที่แท้จริง ก็ไม่ควรจะเรียกตัวเองว่านายกรัฐมนตรี และควรกลับมามองตัวเองบ้าง
ส.ส.เชียงใหม่ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการที่จริงจังและมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงการออกกฎระเบียบที่จำเป็นในการควบคุมการเผาไหม้ในพื้นที่เกษตรกรรมและการป้องกันปัญหาฝุ่นในอนาคต นอกจากนี้ยังต้องมีการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยในการลดการเผาและการใช้วิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการจัดการกับเศษวัสดุทางการเกษตร