svasdssvasds

เปิดเกณฑ์เงินช่วย "น้ำท่วม2567" ครม.อัดงบ 3 พันล้าน เยียวยา 3 แสนหลังคาเรือน

เปิดเกณฑ์เงินช่วย "น้ำท่วม2567" ครม.อัดงบ 3 พันล้าน เยียวยา 3 แสนหลังคาเรือน

เปิดเกณฑ์เงินเยียวยาน้ำท่วมใหญ่ ครม.แพทองธารอัดฉีดงบกลาง 3,000 ล้าน เร่งเยียวยา 3 แสนหลังคาเรือนจมน้ำ เชียงรายโหดสุด เสียหาย 52,688 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหาย 70% รับ 2.3 แสนบาท ต่อหลังคาเรือน

หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสานที่ได้รับผลกระทบหนักสุด เชียงรายจังหวัดชายแดนเหนือสุดแดนสยามเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เมืองท่องเที่ยว เชื่อมประเทศเพื่อนบ้านเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ใหญ่ทางภาคเหนือ ต้องเผชิญวิกฤตลงจากมหาอุทกภัยที่แบบตั้งรับไม่ทัน

แม้ล่าสุดปริมาณน้ำจะคลี่คลายลง แต่ได้ทิ้งบาดแผลจากร่องรอยความเสียหายไว้ให้ หลายครอบครัวต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ไร้แม้แต่ที่จะนอน บางรายที่ต้องพบกับสภาพไม่ต่างจากพายุโคลนซัดถมเข้าในตัวบ้าน อีกทั้งซากปรักหักพังอาคารบ้านเรือน เฟอร์นิเจอร์ เศษไม้ ที่พัดพามากับกระแสน้ำ ยากจะฟื้นฟูเยียวยา 

จากการประเมินเบื้องต้นทั้งภาคเอกชน โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.น.อ.) ระบุว่า ผลกระทบภาคเหนือตอนบน เสียหาย 2.5-2.7 หมื่นล้านบาท รุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี ด้านนายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้า ปภ.เชียงราย สรุปสถานการณ์ฝนตกน้ำท่วมดินถล่มตั้งแต่วันที่ 9-14 กันยายน 2567

มีผลกระทบ 9 อำเภอ 34 ตำบล 153 หมู่บ้าน 1 เทศบาลนคร (52 ชุมชน) มี อ.เมืองเชียงราย, อ.เชียงแสน, อ.เชียงของ, อ.แม่จัน, อ.แม่ฟ้าหลวง, อ.แม่สาย, อ.ดอยหลวง, อ.เทิง, อ.เวียงแก่น ตลาดชุมชนเศรษฐกิจ 2 แห่ง  ร้านค้า สถานประกอบการ 92 แห่ง ประชาชน 52,688 ครัวเรือน พื้นที่เกษตร 13,877 ไร่

ด้านคณะรัฐมนตรีแพทองธาร ต้องเร่ง เยียวยา ฟื้นฟู ประเทศเป็นการด่วน พร้อมทั้งนั่งหัวโต๊ะตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปช.) และทบทวนกรอบเยียวยาเพื่อความเหมาะสม โดยระบุว่าหากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหาย 70% ขึ้นไป รัฐบาลจะชดเชยให้ 2.3  แสนบาทต่อหลังคาเรือน ซึ่งใช้งบกลางปี 2567 ก้อนแรกกว่า 3,000 ล้านบาท

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) นายกรัฐมนตรีรับทราบความเสียหายจากผลกระทบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานบางส่วน โดยเป็นข้อมูลจากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้นที่กระทบธุรกิจ และภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่ 31 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ครม.ยังรับทราบข้อมูลในการประเมินความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้ว่าจะมีความเสียหายมากขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ที่เป็นอยู่อาศัยของประชาชนเกิดขึ้นอย่างมาก ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีการประเมินอย่างต่อเนื่องซึ่งนายแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการติดตามความเสียหายอย่างต่อเนื่อง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 3,045.519 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 ซึ่งการจ่ายเงินจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีจ่ายเงินช่วยเหลือตามที่ ครม. อนุมัติในวันนี้ด้วยเช่นกัน

โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จะเป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน ซึ่งทางธนาคาร จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ประสบภัยที่มีสิทธิโดยตรงผ่านระบบพร้อมเพย์ต่อไป

 

สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือ จะต้องเป็นอุทกภัยที่เกิดในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. 67 ทั้งกรณีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง

 

รวมถึงการระบายน้ำจนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ ที่อยู่อาศัยนั้นต้องเป็นบ้านอยู่อาศัยเป็นประจำใน อยู่ในพื้นที่ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย หรือ พื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ใน 57 จังหวัด 

ส่วนเงื่อนไขนั้นจะต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และ มีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ประสบสาธารณภัย และผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ และ จังหวัด นอกจากนี้ หาเป็นกรณีประสบภัยหลายครั้งจะได้รับความช่วยเหลือครั้งเดียว

 การจ่ายเงินช่วยเหลือจะแยกเป็นแต่ละกรณี ดังนี้

  1. กรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันตั้งแต่ 1 วัน (24 ชั่วโมง) แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือ ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังเกินกว่า 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วันให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 5,000 บาท
  2. กรณีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 7,000 บาท
  3. กรณีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 60 วัน ขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 9,000 บาท

การจ่ายเงินช่วยเหลือครั้งนี้จะทำให้ ผู้ประสบภัยจำนวน 338,391 ครัวเรือนใน 57 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ, พื้นที่ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย พื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง และสามารถดำรงชีวิตเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related