หิมะตกบนทะเลทรายซาฮารา ครั้งที่ 5 ภายในระยะเวลา 42 ปี ส่อปัญหาภาวะโลกรวน

หากพูดถึงซาฮารา ใครๆก็นึกถึงภาพทะเลทรายอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา กับแสงแดดที่ต้องทรายจนแทบจะกลายเป็นสีทอง นั่นคือซาฮาราผู้ยิ่งใหญ่ พื้นพิภพทะเลทรายที่บ่งบอกความหฤโหดของการเอาตัวรอดและการไร้จุดสิ้นสุด ต้องคนในพื้นที่เท่านั้นที่เป็นผู้นำทางให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากเข้าไปเยี่ยมชม แต่มาวันนี้ ทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่ถูกการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านแล้ว จากการมาเยือนของขั้วตรงข้ามอย่าง ‘หิมะอันเยือกเย็น’

ทะเลทรายซาฮารา เป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่มากกว่า 8.6 ล้านตารางกิโลเมตร ข้ามแอฟริกาตอนเหนือระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลแดง ส่วนอุณหภูมิปกติของทะเลทรายซาฮาราคือ 58 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน

ทะเลทรายซาฮารามีแนวโน้มที่จะเห็นหิมะตกในระดับสูงมากขึ้น เช่น ในเทือกเขาแอตลาส ปี 2018 นาซาได้แถลงการณ์การสังเกตจากอวกาศ โดยระบุว่า ฝั่งโมร็อกโกของเทือกเขาแอตลาส มีหิมะตกหนักเช่นกันในปี 2005 และ 2012

เมือง Ain Sefra ในทะเลทรายซาฮารามีหิมะตกบ่อยมากขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังหิมะตกอุณหภูมิลดลงติดลบ 2 องศาเซลเซียสในชั่วข้ามคืน โดย 42 ปีที่ผ่านมา มีหิมะตกที่นี่แล้วประมาณ 5 ครั้ง คือในปีค.ศ. 1979, 2016, 2018, 2021 และ 2022 สังเกตุกันไหมว่ามันเริ่มเกิดถี่ขึ้น?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• อัพเดตอุณหภูมิโลก 141 ปีผ่านไป โลกร้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

• ประตูสู่นรก กำลังจะถูกดับไฟหลังลุกโชนมาหลายปี เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน

• การศึกษาพบ ไฟป่าในบราซิลสังหารสัตว์ป่าไปแล้วกว่า 17 ล้านตัว

• บราซิลสูญเสียพื้นที่ป่าอเมซอนเทียบเท่ารัฐเท็กซัสและนิวเม็กซิโกรวมกัน

• ประเทศเคนย่าน่าห่วง โดนภัยแล้งโจมตี สัตว์ล้มตาย คนนับล้านขาดสารอาหาร

Ain Sefra หรือที่เรียกว่า ‘ประตูสู่ทะเลทราย’ อยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 ฟุต (1,000 เมตร) ตั้งอยู่ในจังหวัดนาอามาของแอลจีเรียทางตอนเหนือของทะเลทรายซาฮารา ใกล้กับชายแดนโมร็อกโก และล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาแอตลาส โดยเฉลี่ยมีอุณหภูมิสูงประมาณ 37 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน และอุณหภูมิต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ -10.2 องศาเซลเซียสในฤดูหนาว

หิมะพบได้ยากมากในทะเลทราย เพราะโดยปกติแล้วมีน้ำไม่เพียงพอ แม้ว่าในตอนกลางคืนจะหนาวมากก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจและน่าจับตามองมากที่สุด แต่ในอีกแง่หนึ่ง แม้ทะเลทรายจะแห้งแล้งมากในวันนี้ แต่มีการคาดการณ์จากนักวิทยาศาสตร์ว่ามันจะกลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้งในอีกประมาณ 15,000 ปี

ตามรางานของ DailyMail ระบบความกดอากาศสูงของอากาศเย็นได้เคลื่อนตัวทางบกไปยังทะเลทราย ทำให้อุณหภูมิลดลง แอนติไซโคลน*ดังกล่าวมักไปถึงซาอุดิอาระเบียโดยเคลื่อนไปจากเอเชียกลางตามเข็มนาฬิกา และเก็บความชื้นระหว่างทางซึ่งทำให้เย็นลงจนก่อตัวเป็นหิมะ

*(แอนติไซโคลน (Anticyclone) คือ บริเวณที่มีความกดอากาศสูงบริเวณใกล้เคียงที่อยู่รอบๆ)

ในปี 2016 หิมะตกลงในบริเวณดังกล่าว ทำให้เด็กๆออกมาปั้นตุ๊กตาหิมะหรือแม้กระทั่งเล่นเลื่อนหิมะบนเนินทราย และจากการวัดความหนาของหิมะนั้น มีความหนามากขึ้น 40 ซ.ม.ตั้งแต่ปี 1979 และปี 2018 ทำให้การจราจรติดขัด

Roman Vilfand หัวหน้าหน่วยงาน Federal Service for Hydrometeorology and Environmental Monitoring ของรัสเซีย ถูกกล่าวถึงโดยสำนักข่าว TASS เขากล่าวว่า “วิกฤตสภาพภูมิอากาศอาจมีบทบาทในหิมะตกในทะเลทรายซาฮารา”

“สถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงหิมะตกในทะเลทรายซาฮารา ความหนาวเย็นที่ยาวนานแถบอเมริกาเหนือ สภาพอากาศอบอุ่นมากในแถบยุโรป และฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมในประเทศต่างๆ มาเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้น สภาพอากาศสุดโต่งเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำบ่อยครั้ง เหตุเพราะภาวะโลกร้อน ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่คิด แต่สมาชิกและคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลก็มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน”

แต่อย่างไรก็ตาม การระบุสภาพอากาศสุดขั้วในภูมิภาคหรือพื้นที่ของซาฮารายังไม่สมบูรณ์เพราะขาดข้อมูลและการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ รายงานจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (IPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานชั้นนำของโลกด้านวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ ได้รายงานไว้เมื่อปี 2018 ว่า สภาพอากาศที่ร้อนขึ้น แห้งแล้งขึ้น และรูปแบบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงนั้นเชื่อมโยงกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศในแอฟริกา หมายความว่า ทะเลทรายซาฮารามีขนาดใหญ่ขึ้นเนื่องจากมีพื้นที่หลายส่วนแปรสภาพเป็นทะเลทรายเพิ่มขึ้น

วิกฤตสภาพภูมิอากาศจะไม่คลี่คลายอย่างสม่ำเสมอในทุกภูมิภาค หมายความว่าแม้อุณหภูมิจะสูงขึ้นในบางสถานที่ ก็จะมีเหตุการณ์ความหนาวเย็นที่รุนแรงคงอยู่เช่นกัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศเหล่านั้น มันไม่ได้ไปไหนไกลตัวของเราเลย มันกำลังเกิดการแปรปรวนขึ้นทั่วโลก จากภาวะโลกร้อนและพฤติกรรมของมนุษย์เราเอง ที่ไปเป็นเชื้อเพลิงให้โลกใบนี้เผาไหม้ตัวเองเร็วขึ้น เปรียบเสมือนโลกเริ่มรีสตาร์ทตัวเองใหม่ เพื่อกำจัดผู้อ่อนแอออกไป หากยังอยากเป็นมิตรที่ดีต่อโลกใบนี้ เราต้องร่วมมือกันรักษาสิ่งแวดล้อมและควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงไปมากกว่านี้ ด้วยพฤติกรรมของเราเอง

Tips : Ain Sefra ก่อตั้งขึ้นในปี 1881 ในฐานะเมืองทหารรักษาการณ์ของฝรั่งเศส

ที่มาข้อมูล

https://web.facebook.com/extremweatherworldd

https://www.firstpost.com/world/fifth-time-in-42-years-why-snowfall-has-blanketed-sand-dunes-of-sahara-desert-10303201.html

https://www.livescience.com/sahara-desert-ice-beautiful-photos.html

https://www.independent.co.uk/climate-change/news/what-sahara-desert-weather-snow-b1995607.html

https://www.bbc.com/news/world-africa-60045153

http://sar.tpad.police.go.th/dynamic-7-40.html