เติร์กเมนิสถานเตรียมหาทางดับไฟในปล่องดาร์วาซาอย่างจริงจัง หลังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมานานหลายสิบปี หวังลดปล่อยก๊าซสู่ชั้นบรรยากาศโลกและห่วงสุขภาพของประชาชน
The Doorway to Hell หรือ ประตูสู่นรก สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของเติร์กเมนิสถาน ไฟที่ลุกไหม้มานานหลายปีในหลุมแห่งนี้กำลังจะจบสิ้นลง เพราะกำลังจะถูกทำให้ดับเร็วๆนี้
กูร์บันกูลี เบอร์ดีมูคาเมดอฟ (Gurbanguly Berdymukhamedov) ประธานาธิบดีของประเทศเติร์กเมนิสถาน ต้องการยกเลิกทำให้มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาสุขภาพของผู้คน เพราะการเผาไหม้เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มก๊าซมีเทนในชั้นบรรยากาศโลก
“เรากำลังสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า ซึ่งเราสามารถได้รับผลกำไรจำนวนมาก และใช้ทรัพยากรเหล่านี้เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนของเรา”
ประธานาธิบดีกล่าวในสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ และเขาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เริ่มหาวิธีการดับไฟอย่างจริงจังแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Shell เปลี่ยนปั๊มน้ำมันในลอนดอนเป็น EV Hub รองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมากขึ้น
จีนทดสอบเดินเครื่อง ดวงอาทิตย์เทียม ร้อนกว่าของจริง 5 เท่า ผลิตพลังงานสะอาด
ฝรั่งเศสสั่งแบนพลาสติกห่อหุ้มผักและผลไม้แล้ว เริ่ม 1 ม.ค. 2022
ชวนรู้จัก Climate Clock เคาท์ดาวระเบิดเวลาที่กำลังพาเราสู่หายนะของจริง
ความลึกลับที่รายล้อมไปด้วยเปลวเพลิงของปล่องดาร์วาซาในทะเลทรายคาราคัม
The Doorway to Hell กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของประเทศเติร์กเมนิสถานมาหลายหลายปี ด้วยลักษณะที่แปลกประหลาดของปล่องที่มีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ตลอดเวลามานานหลายสิบปี โดยไม่มีทีท่าจะดับลง จึงได้ขนานนามว่าเป็น “ประตูสู่นรก” นั่นเอง
กลางทะเลทรายที่โล่งกว้าง เกิดหลุมยักษ์นี้ได้อย่างไร นั่นเป็นเพราะฝีมือมนุษย์เราเอง ไม่ใช่ฝีมือของธรรมชาติแต่อย่างใด แต่ด้วยความที่เป็นลักษณะที่หายากกับไฟที่ลุกโชนกลางทะเลทรายจึงกลายเป็นสิ่งดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่อยากเดินทางไปเที่ยวชม
หลายคนเชื่อว่ามันเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1971 ที่มีวิศวกรของโซเวียตได้มาตั้งแคมป์ขุดเจาะน้ำมันบริเวณนี้ แต่ว่าการขุดเจาะนั้นผิดพลาด สิ่งที่ขุดได้นั้นกลับมีแต่ก๊าซมีเทน เวลาต่อมาหน้าดินเกิดทรุดตัวเป็นหลุมก๊าซขนาดยักษ์ ด้วยความกังวลของทีมวิศวกรว่าก๊าซเหล่านี้จะรั่วไหลและไปทำอันตรายกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงบริเวณนั้นได้ จึงตัดสินใจเผาก๊าซในหลุม โดยคาดว่ามันจะดับได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ก๊าซจึงจะหมดลงไปได้
แต่ก็ไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์ที่หวังจะเผาก๊าซให้หมดไปนั้น กลับกลายเป็นหลุมไฟขนาดยักษ์ที่ไม่เคยดับเลยตลอดมา มันทำให้พื้นที่บริเวณนั้นสว่างโชติช่วงให้กับบริเวณนั้นมาอย่างยาวนาน จนทุกวันนี้มันก็ยังคงโชติช่วงอยู่
หลุมยุบ “ดาร์วาซา” มีขนาดความกว้างของปากหลุม 69 เมตร ลึก 30 เมตร ตั้งอยู่กลางทะเลทราย ห่างจากกรุงอาซกาบัต ประมาณ 241 กิโลเมตร
ในปี 2013 นักสำรวจชาวแคนาดา George Kourounis กลายเป็นชายคนแรกที่ลงไปสำรวจ “ประตูสู่นรก” ของเติร์กเมนิสถาน เขาได้ตรวจสอบความลึกของปล่องภูขาไฟ เขาเก็บตัวอย่างดิน และไล่เก็บพวกแบคทีเรีย จุลินทรีย์อื่นๆที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นเพื่อนำมาศึกษาว่าพวกมันอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นได้อย่างไร มีชนิดไหนบ้างและปัจจัยที่ก่อให้เกิดไฟที่ไม่ดับนี้มีอะไรบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยให้หาทางดับไฟในปล่องดังกล่าวได้
นักธรณีวิทยาชาวเติร์กเมนิสถานในท้องถิ่นกล่าวว่า ปากปล่องขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นในทศวรรษที่ 1960 แต่มีการจุดไฟเมื่อช่วงทศวรรษ 1980 ตั้งแต่นั้นมามันก็ไม่เคยดับอีกเลย
หลายครั้งแล้วที่เติร์กเมนิสถานพยายามที่จะดับไฟ รวมถึงในปี 2010 เมื่อนายเบอร์ดีมูคา เมดอฟก็ได้สั่งผู้เชี่ยวชาญหาทางดับไฟด้วย
ในปี 2018 ประธานาธิบดีได้เปลี่ยนชื่อที่แห่งนี้อย่างเป็นทางการว่า "Shining of Karakum"
ที่มาข้อมูล
https://www.bbc.com/news/world-asia-59920221
https://www.bbc.com/news/av/world-asia-59925882
https://www.thefirstultimate.com/travel/detail/TheDoorToHell