ฝุ่น PM2.5 ยังเวียนกลับไปกลับมา ต้องการอากาศสะอาดใช้เงินซื้อกันไปก่อน
ประเทศไทยต้องเผชิญมลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM2.5 มาติดต่อกันหลายปี ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ที่เคยทำสถิติสูงสุดอันดับในโลกเมื่อปีที่ผ่านมา (247 มคก./ลบ.ม.) กรุงเทพมหานครเองในช่วงต้นปีก็ต้องคอยเช็คสภาพอากาศจากแอพแจ้งเตือนในแต่ละวันเสมอ
ใครพอจะมีกำลังก็หา เครื่องกรองอากาศ มาใช้ในบ้าน แต่อีกหลายครอบครัวที่ตอนนี้ทั้งประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแล้วยังต้องมารับเคราะห์จาก มลพิษทางอากาศ ซ้ำเติม ทางออกเรื่องมลพิษทางอากาศอาจจะต้องช่วยกันกระตุ้นภาครัฐลงมือทำกันอย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นกันสักที
จากข้อมูลของสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ซึ่งมาจากการศึกษาสัดส่วนการระบายมลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร พบว่าฝุ่นละออง PM2.5 มีสาเหตุหลักมาจาก การเผาไหม้เชื้อเพลิง ซึ่งมีแหล่งกำเนิดหลักมาจากภาค การขนส่งทางถนนระบาย ฝุ่น PM2.5 มากที่สุด ร้อยละ 72.5 รองลงมาได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรม ร้อยละ 17 การเผาในที่โล่ง ร้อยละ 5 และอื่นๆ ร้อยละ 5.5
จากงานของ Dr. Richard A. Muller นักวิจัยชาวอเมริกันจากสถาบันวิจัยสภาพอากาศ Berkeley Earth แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ซึ่งคำนวณเปรียบเทียบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศหรือ PM 2.5 กับปริมาณการสูบบุหรี่ พบว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ 1 มวนโดยรวมแล้วในปี 2563 คนกรุงเทพฯ สูดดมฝุ่นพิษ PM 2.5 เทียบเท่าการสูบบุหรี่ ทั้งหมดจำนวน 1,270.07 มวน
ปัญหามลพิษทางอากาศ นี้ได้มีการเคลื่อนไหวของนักวิชาการและจิตอาสา “เครือข่ายอากาศสะอาด” ที่ทำการขอรายชื่อหมื่นรายชื่อเพื่อรวบรวมยื่นเสนอ ร่าง พ.ร.บ. กำกับดูแลการจัดการอากาศสะอาดฯ หวังใช้กฎหมายแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ต่อ คณะรัฐมนตรี ทางออนไลน์เพื่อลุกขึ้นส่งเสียงทวงคืนสิทธิในการหายใจ สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
แต่กว่าที่ร่าง พ.ร.บ. นี้จำถึงมือผู้มีอำนาจและดำเนินการอย่างจริงจังได้ อาจจะต้องใช้เวลากันอีกพักใหญ่ เราอาจจะต้องสูดอากาศพิษนี้กันไปอีกหลายรอบ
จึงอยากดูสิว่า ทางออกสุดท้าย ถ้าอยากได้อากาศบริสุทธิ์ไว้หายใจ สุดท้ายแล้วต้องจบด้วยการที่จ่ายเงินซื้อเพื่อหายใจได้อย่างปกติ มีทางเลือกอะไรบ้าง
อากาศอัดกระป๋อง
ของฝากจากหมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย ได้มีการอัดอากาศใส่กระป๋องขายเป็นของฝากให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน โดยมีสโลแกนว่า “หมู่บ้านคีรีวง สถานที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย” “อากาศที่บริสุทธิ์กว่ามาตรฐานถึง 100 เท่า” “Kiriwong Village The Best Ozone in Thailand" ราคากระป๋องละ 49 บาท
Oxy Pure บาร์ที่กรุงเดลี
บาร์ออกซิเจน ในกรุงเดลี ประเทศอินเดีย ที่ให้บริการอากาศบริสุทธิ์ 80-90 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 15 นาที พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมให้ได้เลือก เช่น ตะไคร้ ลาเวนเดอร์ เชอร์รี่ ยูคาลิปตัส เป็นต้น สามารถเลือกกลิ่นเพื่อสูดดมผ่านท่อได้เลย สนนราคาค่าบริการอยู่ที่ครั้งละ 299 รูปี (130 บาท)
อากาศจากเทือกเขาแอลป์ สวิสเซอร์แลนด์
บรรจุอากาศปริมาณ 5 ลิตร ราคาขายปลีกกระป๋องละ 34.5 ดอลล่าห์สหรัฐ (1,131 บาท)
สิทธิในการมีอากาศบริสุทธิ์หายใจ ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกประเทศควรได้รับ ปัญหามลพิษทางอากาศ ยิ่งยืดเยื้อมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งส่งผลอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน โรคต่างๆ ทางระบบทางเดินหายใจ กลายเป็นภัยเงียบที่กัดกินชีวิตทุกเพศ ทุกวัย ผู้ที่สนใจร่วมลงชื่อเรียกร้อง อากาศสะอาด สำหรับทุกคนได้ที่ลิงค์ Thailandcan
