ปี 2021 ถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดอันดับ 6 ทำให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงสุดขั้วไปทั่วโลก และมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า โลกมีแนวโน้มร้อนมากขึ้นในระยะยาว และนี่คือผลกระทบจากโลกร้อน อย่างปฏิเสธไม่ได้
นับเป็นภัยที่กำลังคุกคามโลกอย่างต่อเนื่องสำหรับ ปัญหาโลกร้อน หรืออุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ล่าสุด มีการเปิดเผยจาก NASA (นาซา) และ National Oceanic and Atmospheric Administration. หรือ (โนอา NOAA) ว่า ปี 2021 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดอันดับ 6 นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติมาตั้งแต่ปี 1880 และจากการที่โลกร้อนขึ้นแบบนี้ มันส่งผลให้ เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงสุดขั้วไปทั่วโลก และมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า โลกมีแนวโน้มร้อนมากขึ้นในระยะยาวอีกด้วย
.
ทั้งนี้ เรื่องราวการเปิดเผยสถิติ ตัวอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ มีการเปิดเผยว่า เท่าที่มีการบันทึกสถิติมา โดยในรายงานแยกกันของสำนักงานทั้งสองแห่งต่างระบุว่า อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยในปี 2021 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของศตวรรษที่ 20 ราว 0.85 องศาเซลเซียส หรือ 1.51 องศาฟาเรนไฮธ์ โดยช่วง8ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วง 8 ปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติไว้เช่นกัน ข้อมูลของ NASA และ NOAA ยังชี้ด้วยว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในช่วง 10 ปีหลัง อยู่ในระดับสูงกว่าเมื่อ 140 ปีที่แล้วเกือบ 1.1 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสัญญาณที่อันตรายแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ออสเตรเลียทำสถิติร้อนสุด รอบ 60 ปี อุณหภูมิ 50.7 C! ไฟป่าเป็นเหตุ ทำร้อนระอุ
ธารน้ำแข็งไอซ์แลนด์ละลายรวดเร็ว ภาวะโลกร้อน ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
รัสเซลล์ วอส หัวหน้านักวิเคราะห์ของ NOAA บอกว่าโลก ณ เข็มนาฬิกาเดินอยู่ตอนนี้ร้อนที่สุดในช่วงเวลาอย่างน้อย 2,000 ปี หรืออาจนานกว่านั้น พร้อมกับคาดการณ์ว่าปีนี้ 2022 ก็น่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดปีหนึ่งเช่นกัน
.
ขณะที่ เกวิน สมิดท์ นักวิทยาศาสตร์ของ NASA ให้ความเห็นว่า แนวโน้มในระยะยาวนั้นค่อนข้างชัดเจนที่โลกจะร้อนขึ้นอีก ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ และจะไม่มีวันแก้ไขได้จนกว่าเราจะหยุดเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศโลกตั้งแต่ตอนนี้
.
ในเวลาเดียวกัน สถาบันฟิสิกส์ชั้นบรรยากาศ หรือ IAP ของสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน และทีมวิจัยนานาชาติ จากสถาบันและหน่วยงานของ 14 ประเทศทั่วโลก ร่วมกันเผยแพร่รายงานการเปลี่ยนแปลงด้านอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทร ปี 2021 ฉบับแรกของโลก ซึ่งจากการศึกษาวิจัยได้พบว่า ปี 2021 น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นปีที่น้ำในมหาสมุทร มีอุณหภูมิสูงที่สุดนับแต่มีการบันทึกสถิติในยุคปัจจุบัน
ความร้อนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก มากกว่า 90 เปอร์เซนต์ จะถูกกักเก็บอยู่ในมหาสมุทร ซึ่งน้ำในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นจะส่งผลกระทบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทั่วโลก ประสิทธิภาพในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของน้ำทะเลลดลง อัตราการเกิดคลื่นความร้อนในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น เกิดพายุไต้ฝุ่นหรือพายุเฮอริเคนบ่อยครั้งขึ้น และ เกิดฝนตกขั้นรุนแรงมากขึ้น โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นล้วนส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของมนุษย์และระบบนิเวศอย่างหนัก
.
ทั้งสองประเด็นนี้ ถือเป็นการตอกย้ำว่า ปัญหาโลกร้อน กำลังคืบคลานเข้ามาเป็นภัยอย่างช้าๆสำหรับชีวิตมนุษย์
.
รายงานดังกล่าว ยังระบุด้วยว่า น้ำในมหาสมุทร มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2021 โดยเมื่อเทียบกับปี 2020 แล้ว น้ำในมหาสมุทรทั่วโลกที่มีระดับความลึกไม่เกิน 2,000 เมตร ได้ดูดซับอุณหภูมิความร้อน ซึ่งเทียบเท่ากับการผลิตไฟฟ้าของจีนตลอดทั้งปี 2020 ประมาณ 500 เท่าเลยทีเดียว
.
นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบ ตัวเลขสถิติบางอย่างที่น่ากังวลด้วย นั่นคือ โลกทั้งใบกำลังหม่นลง และมีที่มาจากสภาวะโลกร้อน โดยมีการเก็บสถิติว่า ในคืนที่ดวงจันทร์ปรากฏเสี้ยวบางมากๆ เมื่อมนุษย์มองไปที่ส่วนมืดของดวงจันทร์ จะเห็นว่า มันไม่ได้ดำสนิท ซึ่งปรากฏการณ์นี้ นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า (Earth shine) และนักวิจัยบอกว่าการเก็บข้อมูลแสงโลกร่วมกับข้อมูลดาวเทียม พบว่า โลกของเราหม่นลงมากในรอบ 20 ปี นั่นหมายความว่า มหาสมุทรสะท้อนแรงอาทิตย์ได้น้อยลง 0.5 เปอร์เซนต์ ซึ่งมันจะส่งผลในระยะยาว ซึ่งการหม่นลงมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนที่ส่งผลให้อุณหภูมิของมหาสมุทรเพิ่มขึ้น และเมฆก็มีปริมาณลดลง จนการสะท้อนแสงของโลกลดลงได้