ไหว้ตรุษจีนยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กทม.ขอความร่วมมือศาลเจ้า เข้าร่วมโครงการศาลเจ้าปลอดควัน งดจุดธูป-เผากระดาษ ลดปัญหาฝุ่น PM2.5
ใกล้ถึงแล้วกับวันตรุษจีนหรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยเชื้อสายจีน ช่วงนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจน่าจะกระตุกขึ้นมาบ้าง เนื่องจากตามประเพณีจะมีวันจ่าย วันไหว้และวันเที่ยว หลายบ้านก็น่าจะออกมาจับจ่ายใช้สอยกันจำนวนมากเลย
อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือการไหว้บรรพบุรุษและการขอพรกับเทพเจ้า ซึ่งตามประเพณีแล้วก็จะมีการจุดธูป เผากระดาษ และจุดประทัด เพื่อสักการะ แสดงความขอบคุณ แสดงความกตัญญู และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ไหว้และครอบครัว คนที่เรารัก
ซึ่งขนบแบบนี้ก็ส่งต่อมาอย่างยาวนาน แต่ในปัจจุบัน เรากำลังประสบปัญหามลพิษฝุ่นควันอย่าง PM2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้คนโดยตรงกันถ้วนหน้า กิจกรรมเผาดังกล่าวจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยการเพิ่มปัญหาฝุ่นในปัจจุบันไปโดยปริยาย
เพื่อให้คนไทยเชื้อสายจีนยุคใหม่ปรับตัวเข้ากับปัญหาสิ่งแวดล้อม กทม.จึงมีแนวทางแก้ไข ด้วยการขอความร่วมมือให้ศาลเจ้างดจุดธูป-เผากระดาษ ในศาสนสถาน โดยยกตัวอย่าง เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายที่มีศาลเจ้า 3 แห่งเข้าร่วมโครงการศาลเจ้าปลอดควัน ได้แก่ ศาลเจ้าหลีตี้เมี้ยว ศาลเจ้าซิดเซี้ยม้า และศาลเจ้าซินเฮงตั๊ว
แล้วการจุดธูป เผากระดาษในปัจจุบัน ส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างไรบ้าง ง่าย ๆ เลย การจุดธูปและการเผากระดาษในปริมาณมาก ควันมีสารก่อให้เกิดมลพิษต่าง ๆ ได้ เช่น สารก่อมะเร็ง สารโลหะหนักอย่างโครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว และแมงกานีส รวมไปถึงฝุ่น PM2.5 ที่ล่องลอยบนฟ้า และปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกของเราร้อนขึ้นนั่นเอง ร้ายแรงอีกอย่างคือ จุดทิ้งไว้อาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ด้วย หากไม่ระวังให้ดี
แล้วถ้าอยากปรับตัว แต่ยังคงความเชื่อให้อยู่ต่อไป และเพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพในผู้อ่อนไหว อย่างอากงอาม่า เราสามารถปรับตัวอย่างไรได้บ้าง กรมอนามัยก็แนะนำมาว่า
สุดท้ายนี้ เชื่อว่า เมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เราก็สามารถปรับตัวให้เปลี่ยนตามได้อย่างเหมาะสม ในเมื่อเรากำลังเผชิญปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การเผาในสมัยก่อนอาจไม่เห็นผลเท่าวันนี้ ดังนั้น ถ้าอะไรปรับได้ก็ปรับไป ลดลงอย่างพอดีและเรียนรู้เรื่องราวใหม่ ๆ เพื่อถกเถียงกันในสังคมมากขึ้น ก็น่าจะดีนะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง