SHORT CUT
ชัยชนะครั้งนี้ของออสเตรีย ส่งผลสำคัญต่อประวัติศาสตร์ยุโรป ทำให้จักรวรรดิออตโตมัน เสียอิทธิพล เริ่มเสียดินแดนที่เคยพิชิต และกลายเป็นคนป่วยของยุโรป
รู้หรือไม่ ? ก่อนจะฟาดแข้งกับตุรกี ออสเตรียเกือบได้กินเคบัพมาก่อน เพราะตุรกีสมัยออตโตมันเคยบุกไปเคาะประตูเมืองหลวงของออสเตรียอย่างกรุงเวียนนามาแล้ว
ฟุตบอลเป็นกีฬากระชับมิตรที่อยู่ในประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน นอกจากจะวัดความเหนือชั้นของทีมชาติแต่ละประเทศแล้วยังสะท้อนถึงความชาตินิยมผ่านกองเชียร์ที่ลงทุน และลงแรง เชียร์ฟุตบอลที่สนามรวมถึงกางไม่ยอมหลับยอมนอนเพื่อดูทีมโปรด หรือทีมชาติของเราด้วย
ฟุตบอลยูโร ณ ค่ำคืนนี้จะเป็นการประทะกันระหว่าง ออสเตรีย และตุรกี ซึ่งหากย้อนมองประวัติศาสตร์จริงๆ 2 ประเทศนี้เรียกได้ว่าเป็นคู่รักคู่แค้นกันพอสมควร เพราะมีดินแดนติดกันมาก่อน และตุรกีที่สมัยเคยเป็นจักรวรรดิออตโตมัน เคยบุกมาเคาะประตูบ้านออสเตรียถึงเมืองหลวงอย่างกรุงเวียนนาด้วยซ้ำไป
การบุกมาเยือนประตูบ้านครั้งนี้ไม่ธรรมดา คือการยกทัพมาหมายมั่นปั้นมือเพื่อพิชิตกรุงเวียนนาด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าออสเตรีย เคยเกือบเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมัน เกือบได้รับวัฒนธรรมแขก ถึงขนาดเกือบได้กินเคบัพด้วยซ้ำไป (เคบัพที่คนไทยคุ้นกันและล้อว่าเป็นของแขกตุรกี ความเป็นจริงแล้วชาวัรมา)
คุณลองจินตนาการถึง...
นี่คือฉากการต่อสู้ ในยุทธการกรุงเวียนนาครั้งที่สอง เหตุการณ์สำคัญที่พลิกผันชะตากรรมของยุโรป!
โดยมีเรื่องราวมี คือกองทัพออตโตมัน ภายใต้การนำของสุลต่านเมห์เมดที่ 4 มุ่งหมายพิชิตกรุงเวียนนา เมืองหลวงของจักรวรรดิฮับส์บูร์ก จักรพรรดิลีโอโปลด์ที่ 1 จำต้องลี้ภัยออกจากเมือง ทิ้งให้พลเมืองเพียง 15,000 คน ปกป้องบ้านเมือง
กรุงเวียนนา ถูกปิดล้อมนานหลายเดือน ทหารเติร์กขุดอุโมงค์วางระเบิด กำแพงเมืองเริ่มพังทลาย แต่ทหารรักษาเมืองก็ยังคงต่อสู้
ในที่สุด จักรพรรดิลีโอโปลด์ที่ 1 ร่วมมือกับโปแลนด์-ลิทัวเนีย ระดมกองทัพคริสเตียนมาช่วยเหลือ
วันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1683 กองทัพทั้งสองฝ่ายปะทะกันที่เนินเขาคาร์เลนเบิร์ก
กองทัพคริสเตียน แม้จะมีจำนวนน้อยกว่า แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและการโจมตีอันรุนแรงจากทหารม้าวิหคฮุสซาร์ของโปแลนด์-ลิทัวเนีย ทำให้กองทัพออตโตมันพ่ายแพ้ราบคาบ
ยุทธการกรุงเวียนนาครั้งที่สอง จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ยุติยุคทองของจักรวรรดิออตโตมัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างตะวันออกกลางและยุโรป
แต่... รู้ไหมว่า ยังมีเรื่องราวน่าสนใจอีกมากมายเกี่ยวกับยุทธการครั้งนี้!
เรียกได้ว่าทั้ง 2 ประเทศคือออสเตรีย ยุคจักวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และตุรกีในยุคจักรวรรดิออตโตมัน เคยซัดกันมาแล้ว แต่แรงยิ่งกว่าฟาดแข้ง คือการละเเลงเลือดในสงคราม
ฟุตบอลยูโรค่ำคืนนี้อาจเรียกว่าเป็นศึกล้างตาของ 2 ประเทศอีกครั้ง แต่ครั้งในนี้ไม่ต้องทำสงคราม แต่ฟาดแข้งกันมันผ่านฟุตบอล แฟนบอลว่ามันแล้ว คอประวัติศาสตร์ว่ามันกว่า ไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่การฟาดแข้งครั้งนี้ คอประวัติศาสตร์ยุโรป หรือประวัติศาสตร์ออตโตมัน ต่างฟินไปตามกันอย่างแน่นอน
อ้างอิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง