svasdssvasds

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

SaveOnEnergy เปิดเผยว่า เจ.เค. โรว์ลิง คือนักเขียนที่มีส่วนทำให้มีการตัดไม้มากที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 24 ล้านต้น เฉพาะแค่หนังสือ "แฮร์รี่พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี" ก็มียอดขายทั่วโลกกว่า 65 ล้านเล่ม

SHORT CUT

  • ในแต่ละปี มีหนังสือจำนวนประมาณ 767.3 ล้านเล่ม (ทั่วโลก) ถูกจัดจำหน่าย ตามข้อมูลที่ระบุไว้บนเว็บไซต์ของ statista ขณะที่ประเทศไทย มียอดขายอยู่ที่ 1.2 หมื่นเล่ม
  • รู้หรือไม่ว่า "ต้นสน" 1 ต้น สามารถนำไปผลิตเป็นกระดาษได้ 10,000 แผ่น 
  • กระบวนการผลิตหนังสือ จะพบว่า แต่ละกระบวนการผลิตปล่อยก๊าซคาร์บอนดังนี้ ได้แก่ วัสดุ 49.4% การออกแบบ 9.6% การทำเพลต 19.3% การกระจายหนังสือ 16.4% บรรจุภัณฑ์ 3.2% การพิมพ์ 0.4%

SaveOnEnergy เปิดเผยว่า เจ.เค. โรว์ลิง คือนักเขียนที่มีส่วนทำให้มีการตัดไม้มากที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 24 ล้านต้น เฉพาะแค่หนังสือ "แฮร์รี่พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี" ก็มียอดขายทั่วโลกกว่า 65 ล้านเล่ม

ในวันที่กลิ่นหนังสือใหม่ตลบอบอวลไปทั่ว เหล่าบรรดา “Book lovers” จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังมุ่งหน้าไปยังมหกรรมงานหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 ซึ่งจัดขึ้นที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 10-20 ตุลาคม 2567 ถือเป็นบรรยากาศดี ๆ ที่คนรักหนังสือต่างรอคอย

รู้หรือไม่ว่า ในแต่ละปี มีหนังสือจำนวนประมาณ 767.3 ล้านเล่ม (ทั่วโลก) ถูกจัดจำหน่าย ตามข้อมูลที่ระบุไว้บนเว็บไซต์ของ statista ขณะที่ประเทศไทย มียอดขายอยู่ที่ 1.2 หมื่นเล่ม

อีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจคือคนไทยไม่ได้อ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด แต่ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ระบุว่า คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 2-5 เล่มต่อปี

Credit Flickr

กลับมาประเด็นหลักของบทความชิ้นนี้ 5 อันดับดังกล่าว ถูกจัดอันดับโดยหน่วยงานที่เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง saveonenergy ซึ่งได้ทำการศึกษาการตัดต้นไม้เพื่อนำไปผลิตเป็นกระดาษมาทำหนังสือ

โดย saveonenergy ได้รวบรวมรายชื่อหนังสือขายดีตลอดกาล 50 เล่ม เพื่อนำมาคำนวณคร่าว ๆ ว่าหนังสือเล่มนั้นต้องโค่นต้นไม้ไปเท่าไหร่ โดย 5 อันดับแรก เป็นหนังสือฮิตของ เจ.เค. โรว์ลิง อย่าง Harry Potter ไปแล้ว 3 เล่ม

สูตรคำนวณ 

อย่างที่กล่าวไปว่า สน 1 ต้น สามารถนำไปผลิตเป็นกระดาษได้ 10,000 แผ่น เมื่อรู้ฉะนี้แล้ว จากนั้น นำจำนวนหน้าของหนังสือเล่มดัง ไปคูณกับยอดขายอย่างเป็นทางการ แล้วหารด้วย 10,000 เท่านี้ก็จะได้ตัวเลขโดยประมาณว่าหนังสือหนึ่งเล่มต้องตัดต้นไม้ไปเท่าไหร่

ยกตัวอย่างเช่น หนังสือ war and peace เขียนโดย เลโอ ตอลสตอย ซึ่งมียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 36.4 ล้านเล่ม จากนั้นนำไปคูณกับจำนวนหน้าคือ 1,225 หน้า และนำไปหารด้วย 10,000 ดังนั้น เมื่อคำนวณด้วยสูตรนี้ หนังสือเล่มดังกล่าวจะโค่นต้นไม้ไปทั้งหมด 4.4 ล้านต้น

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง โค่นต้นไม้ไปทำกระดาษมากที่สุด

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

  • แฮร์รี่พอตเตอร์กับภาคินนกฟินิกซ์

ผู้เขียน: เจ.เค. โรว์ลิง

ยอดขายทั่วโลก: 65 ล้านเล่ม

จำนวนหน้า (ต้นฉบับ) : 896 หน้า

โค่นต้นไม้ 5 ล้านต้น

 

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

  • War and Peace

ผู้เขียน: เลโอ ตอลสตอย

ยอดขายทั่วโลก: 36.4 ล้านเล่ม

จำนวนหน้า (ต้นฉบับ) : 1,225 หน้า

โค่นต้นไม้ 4.4 ล้านต้น

 

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

  • แฮร์รี่พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี

ผู้เขียน: เจ.เค. โรว์ลิง

ยอดขายทั่วโลก: 65 ล้านเล่ม

จำนวนหน้า (ต้นฉบับ) : 636 หน้า

โค่นต้นไม้ 4.1 ล้านต้น

 

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

  • แฮร์รี่พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม

ผู้เขียน: เจ.เค. โรว์ลิง

ยอดขายทั่วโลก: 65 ล้านเล่ม

จำนวนหน้า (ต้นฉบับ) : 672 หน้า

โค่นต้นไม้ 3.9 ล้านต้น

 

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

  • The Da Vinci Code

ผู้เขียน: แดน บราวน์

ยอดขายทั่วโลก: 80 ล้านเล่ม

จำนวนหน้า (ต้นฉบับ) : 689 หน้า

โค่นต้นไม้ 3.8 ล้านต้น

 

Linda Dodge จาก saveonenergy กล่าวถึงงานวิจัยชิ้นนี้ว่า “แม้มันจะน่าตกใจอยู่บ้าง แต่ถึงยังไงก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้ผู้คนเลิกอ่านหนังสือได้ ดังนั้น เราควรคำนึงถึงคาร์บอนฟุตพริทน์ และอาจจะหันไปอ่าน e-book ซึ่งสะดวกมากในยุคนี้ แถมไม่ต้องโค่นต้นไม้”

 

อุตสาหกรรมการผลิตหนังสือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไหม?

ข้อมูลจากงานวิจัยเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการผลิตหนังสือก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกประมาณ 40 ล้านตัน โดยสหรัฐฯ อเมริกาแห่งเดียวมีการตัดต้นไม้กว่า 32 ล้านตันเพื่อนำมาผลิตเป็นกระดาษ

ทั้งนี้ เมื่อเจาะลึกลงไปในกระบวนการผลิตหนังสือ จะพบว่า แต่ละกระบวนการผลิตปล่อยก๊าซคาร์บอนดังนี้ ได้แก่ วัสดุ 49.4% การออกแบบ 9.6% การทำเพลต 19.3% การกระจายหนังสือ 16.4% บรรจุภัณฑ์ 3.2% การพิมพ์ 0.4%

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

และแน่นอนว่าทั้งโลกกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องการหมุนเวียนวัสดุ หรือการดำเนินธุรกิจให้กรีนที่สุด เพื่อมุ่งหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยเหตุฉะนี้ อุตสาหกรรมหนังสือจึงมีการปรับตัว และหา solutionที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด

ยกตัวอย่างเช่น Bloomsbury สำนักพิมพ์ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือ Harry Potter ได้ประกาศเป้าหมายว่า จะปรับไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030 นอกจากนี้ ทางสำนักพิมพ์ เปิดเผยว่า อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 77% ในปี 2020

Credit Flickr

อ่าน E-book เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจริงไหม?

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคหลัง ๆ เทรนด์การอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-book ได้รับการนิยมมาก เพราะพกพาสะดวก จะเลือกอ่านเล่มใดก็ได้ ไม่เปลืองเนื้อที่กระเป๋า และที่สำคัญ สามารถช่วยลดปริมาณกระดาษ ซึ่งแน่นอนว่าช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปด้วย

เปิดลิสต์ 5 หนังสือเล่มดัง ที่ทำให้ต้นไม้ถูกโค่นไปทำกระดาษมากที่สุด

แต่อย่างไรก็ดี หากว่ากันตามตรง การอ่าน E-book ใช่ว่าจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเสมอไป มุมกลับของมันคือเรายังไงก็ต้องชาร์จไฟฟ้าให้กับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อยู่ดี ในที่นี้หมายรวมไปถึงกระบวนการผลิต E-book และเมื่อพังก็กลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ เป็นวัฏจักรเช่นนี้

ถึงอย่างไรก็ดี การเลือกว่าจะอ่านหนังสือเป็นเล่ม หรือใครใคร่จะอ่าน E-book ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน ใครชอบแบบไหนก็เลือกอ่านตามแนวทางที่ตนเองสะดวก และขอให้ทุกอ่านสนุกกับการอ่านหนังสือ เฉกเช่นที่นักเขียนตั้งใจคิด ขีด เขียน ตัวอักษร

 

ที่มา: eureporterกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม, bloomsbury, สสส.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related