svasdssvasds

Dirty 15 ของทรัมป์คืออะไร ถ้าประเทศไทยติดโผ จะโดนอะไรบ้าง ?

Dirty 15 ของทรัมป์คืออะไร ถ้าประเทศไทยติดโผ จะโดนอะไรบ้าง ?

ไทยเสี่ยงติดกลุ่ม “Dirty 15” ของทรัมป์ เพราะปี 2024 ไทยอยู่อันดับ 10 ดุลการค้าสูงกับสหรัฐฯ ทรัมป์ลั่น มาตรการตอบโต้นี้ คือการปลดปล่อยสหรัฐฯ

SHORT CUT

  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศรายชื่อ 15 ประเทศในกลุ่ม "Dirty 15" ที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสูงสุดในวันที่ 2 เมษายน 2025 ซึ่งไทยอาจอยู่ในกลุ่มนี้ เนื่องจากเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในปี 2024.
  • ทรัมป์เรียกวันที่ 2 เมษายนว่าเป็น "วันปลดปล่อย" โดยมองว่าการใช้ภาษีศุลกากรจะปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และใช้เป็นเครื่องมือเจรจาเพื่อให้สหรัฐฯ ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า.
  • นโยบาย "ภาษีตอบโต้แบบสมดุล" (Reciprocal Tariffs) ของทรัมป์หมายถึง หากประเทศใดเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราสูง สหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้าจากประเทศนั้นในอัตราเดียวกันหรือสูงกว่า.

ไทยเสี่ยงติดกลุ่ม “Dirty 15” ของทรัมป์ เพราะปี 2024 ไทยอยู่อันดับ 10 ดุลการค้าสูงกับสหรัฐฯ ทรัมป์ลั่น มาตรการตอบโต้นี้ คือการปลดปล่อยสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เตรียมประกาศรายชื่อ 15 ประเทศที่ถูกเรียกว่า "Dirty 15" ในวันที่ 2 เมษายน 2025

Dirty 15 คืออะไร 

เป็น 15 ประเทศที่สหรัฐมีการขาดดุลการค้าสูงสุด (Balance of Trade) และอาจเผชิญกับการเรียกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐ โดยประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในกลุ่มนี้ เนื่องจากในปี 2024ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐสูง

ประเด็นนี้ยิ่งใหญ่ถึงขั้น ทรัมป์เรียกวันที่ 2 เมษายนว่าเป็น "วันปลดปล่อย" (Liberation Day)  กันเลยทีเดียว เนื่องจากเขามองว่าภาษีศุลกากร เป็นเครื่องมือในการปกป้องเศรษฐกิจภายในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในระดับโลก และยังเป็นไพ่ต่อรองเพื่อให้สหรัฐฯ ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า เขากล่าวว่าภาษีเหล่านี้จะยังคงมีผลต่อไปจนกว่าเม็กซิโกและแคนาดาจะมีมาตรการที่เข้มงวดในการปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายผ่านพรมแดน !

ไทยเสี่ยงอยู่กลุ่ม Dirty 15 ของทรัมป์ อาจโดนภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ! PHOTO REUTERS

"ภาษีตอบโต้" (Reciprocal Tariffs)

หัวใจหลักของนโยบายนี้คือแนวคิด "Reciprocal Tariffs" หรือ "ภาษีตอบโต้แบบสมดุล" ที่ทรัมป์ใช้ตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงปี 2017–2021 โดยหลักการคือ หากประเทศหนึ่งเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐในอัตราสูง สหรัฐจะเก็บภาษีสินค้าจากประเทศนั้นในอัตราเดียวกันหรือสูงกว่า ตัวอย่างเช่น หากอินเดียเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซค์นำเข้าจากสหรัฐฯ ที่อัตรา 100% สหรัฐฯ ก็จะตอบโต้ด้วยอัตราเดียวกัน

ทรัมป์เชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ คุ้มครองแรงงาน และลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งเขามองว่าเป็นจุดอ่อนทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน

ประเทศที่อาจถูกจัดอยู่ใน “Dirty 15”

แม้จะยังไม่มีรายชื่อประเทศอย่างเป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ประเทศที่มักมีดุลการค้าสูงกับสหรัฐฯ เช่น จีน, เม็กซิโก, เวียดนาม, เยอรมนี, ไอร์แลนด์, ไทย, อินเดีย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ มีแนวโน้มจะถูกจัดอยู่ในรายชื่อ

ข้อมูลจากสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐระบุว่า ในปี 2023 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับประเทศต่าง ๆ รวมแล้วกว่า 773 พันล้านดอลลาร์ โดยจีนยังคงเป็นประเทศที่มีดุลการค้าสูงสุดกับสหรัฐ ตามมาด้วยเม็กซิโก, เวียดนาม และเยอรมนี

PHOTO REUTERS

ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และไทย ?

แนวทางของทรัมป์ส่งผลให้เกิดความกังวลในระดับนานาชาติที่ว่า อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางการค้าและจุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หากมีการตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตนเอง

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่า ภาษีที่สูงขึ้นจะผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคในสหรัฐฯ เอง ทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูง และอาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวอีกครั้ง ซึ่งขัดแย้งกับเป้าหมายด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องการควบคุม

นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า แม้มาตรการภาษีตอบโต้จะสร้างแรงกดดันต่อประเทศคู่ค้า แต่ก็อาจย้อนกลับมาทำร้ายธุรกิจและเกษตรกรชาวอเมริกันที่ต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก โดยเฉพาะในรัฐที่เคยสนับสนุนทรัมป์ในอดีต

ส่วนประเทศไทยก็อาจมีความเสี่ยงเช่นกัน เนื่องจากสหรัฐฯ มีการเกินดุลการค้ากับไทยเป็นอันดับ 10 ในปี 2024 หากไทยอยู่ในกลุ่ม Dirty 15 จะส่งผลให้ ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในสหรัฐฯ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา อาหารแปรรูป และยานยนต์ จะลดลง และอาจเสียตลาดให้กับคู่แข่งจากประเทศอื่น

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ newsweek

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related