SHORT CUT
เหตุใด เดนมาร์ก จึงเป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการเลี้ยงลูก เคล็ดที่ไม่ลับที่ประเทศไทยควรนำมาปรับใช้รับมือสังคมสูงวัยในอนาคต
ในยุคที่หลายประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายเรื่องอัตราการเกิดที่ลดลงและการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย การศึกษาโมเดลของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงดูบุตรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เดนมาร์กได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ดีที่สุดในการเลี้ยงลูกจากรายงานปี 2020 และ 2024 Best Countries Report and Ranking ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการพัฒนาระบบสวัสดิการและนโยบายที่เป็นมิตรต่อครอบครัว
เดนมาร์กมีระบบลาคลอดที่ยืดหยุ่นและครอบคลุม โดยให้สิทธิลาคลอดรวมถึง 52 สัปดาห์ โดยแบ่งเป็นการลาก่อนคลอด 4 สัปดาห์ และหลังคลอด 14 สัปดาห์สำหรับมารดา ส่วนบิดามีสิทธิลาได้ 2 สัปดาห์หลังคลอด และสามารถแบ่งวันลาที่เหลือระหว่างพ่อและแม่ได้ตามความเหมาะสม
รัฐบาลเดนมาร์กสนับสนุนการศึกษาฟรีตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งจัดสรรเงินอุดหนุนการศึกษาให้กับนักเรียนและนักศึกษา นอกจากนี้ ยังมีระบบการดูแลเด็กก่อนวัยเรียนที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง
เดนมาร์กให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและครอบครัว มีกฎหมายที่รับรองความเท่าเทียมทางเพศในที่ทำงาน และส่งเสริมให้ทั้งพ่อและแม่มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูบุตร
ประเทศมีอัตราอาชญากรรมต่ำ มีระบบสาธารณูปโภคที่ดี และให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประเทศไทยควรพิจารณาขยายระยะเวลาการลาคลอดให้มากขึ้น และครอบคลุมถึงบิดา พร้อมทั้งสร้างระบบสนับสนุนทางการเงินสำหรับครอบครัวที่มีบุตร เช่น เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด การลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร
ควรมีการลงทุนในการพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ ปรับปรุงคุณภาพการศึกษาในทุกระดับ และสร้างระบบสนับสนุนสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก
ผลักดันนโยบายที่สนับสนุนความสมดุลระหว่างงานและครอบครัว เช่น การทำงานแบบยืดหยุ่น การมีสถานรับเลี้ยงเด็กในที่ทำงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นมิตรต่อครอบครัว
พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ และสร้างโอกาสการทำงานสำหรับผู้สูงอายุที่ยังมีศักยภาพ
การศึกษาโมเดลความสำเร็จของเดนมาร์กช่วยให้เห็นว่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงดูบุตรต้องอาศัยการผสมผสานนโยบายหลายด้านเข้าด้วยกัน ทั้งระบบสวัสดิการ การศึกษา ความเท่าเทียมทางเพศ และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สำหรับประเทศไทย การแก้ไขปัญหาอัตราการเกิดต่ำและการเข้าสู่สังคมสูงวัยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเชิงระบบ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบสวัสดิการและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีและเลี้ยงดูบุตร ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมรับมือกับสังคมสูงวัย การดำเนินการเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรมาก แต่เป็นการลงทุนที่จำเป็นเพื่อความยั่งยืนของสังคมไทยในอนาคต
อ้างอิง
ThePotential / UsNews / Norden / World Economic Forum / UNFPA /