ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ‘กรีนแลนด์’ เกาะที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของราชอาณาจักรเดนมาร์ก ซึ่งมีประชากรอยู่เพียง 56,000 ราย ถึงกลายเป็นที่หมายปองของ 3 ขั้วอำนาจใหญ่ของโลก ได้แก่ สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย
หลังจากที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เผยว่า จำเป็นต้องซื้อกรีนแลนด์มาเป็นของสหรัฐฯ โดยอ้างถึงความสำคัญของความมั่นคงของชาติ และความสำคัญทางยุทธศาสตร์ หลังจากก่อนหน้านี้ ขู่ว่าจะขุดคลองปานามา
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา รัฐบาลเดนมาร์กนำโดย ‘โทรลส์ ลุนด์ พูลเซ่น' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเพิ่มงบฯ ป้องกันเกาะกรีนแลนด์ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาท กระทั่งล่าสุด ทรัมป์ยกเลิกทริป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ สหรัฐฯ สนใจกรีนแลนด์ 3 ครั้งแรกเกิดในทศวรรษ 1869, 1910, 1946 และหนล่าสุดคือ ปี 2019 ทรัมป์เคยเสนอแนวคิดในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ ระหว่างสมัยแรกของเขาในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ไม่สำเร็จ ทั้งยังถูกตำหนิจากผู้นำกรีนแลนด์ในเวลานั้นอย่างรุนแรง
SPRiNG ชวนทุกคนอ่าน 9 เรื่องราวจากกรีนแลนด์ ตั้งแต่ยุคที่อยู่ใต้อาณานิคมของเดนมาร์ก ความสำคัญทางด้านภูมิศาสตร์ ภูมิรัฐศาสตร์ ลามไปถึงเรื่องความเป็นขุมทรัพย์ด้านพลังงานสะอาด ซึ่งทั้งหมดนี้ อาจพอตอบได้ว่าเหตุใด ‘กรีนแลนด์’ จึงมีแต่ใคร ๆ ก็อยากได้
1. กรีนแลนด์ ถือเป็น ‘เกาะที่มีขนาดใหญ่สุดในโลก’ มีเนื้อที่ 2.17 ล้านตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าประเทศเดนมาร์กถึง 50 เท่า ใหญ่กว่าอังกฤษ 10 เท่า ลองเทียบกับไทย ซึ่งมีเนื้อที่ 5.13 แสนตารางกิโลเมตร ก็อาจทำให้เห็นภาพความกว้างใหญ่ของเกาะแห่งนี้ได้
2. ในช่วงศตวรรษที่ 18 ฮันส์ เอเกด์ (Hans Egede) บาทหลวงชาวเดนมาร์ก-นอร์เวย์ ไปตั้งสถานีการค้าที่ นุก (Nuuk) ซึ่งภายหลังกลายเป็นเมืองหลวงของกรีนแลนด์ ช่วงเวลานี้ อาณานิคมเดนมาร์ก จะบริหารเมืองขึ้นด้วยนโยบายด้านการพาณิชย์เป็นหลัก
3. กระทั่งศตวรรษที่ 19 อาณานิคมเดนมาร์กเริ่มเข้าไปบริหารจัดการกรีนแลนด์ในด้านการเมือง และระบบการปกครอง ทั้งยังสร้างวัฒนธรรม ประเพณี ยุคก่อนอาณานิคม เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการเข้าปกครอง
4. กรีนแลนด์คือจุดยุทธศาสตร์สำคัญของมหาอำนาจทั้งสามของโลก ได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เนื่องจากที่ตั้งของกรีนแลนด์อยู่ในบริเวณมหาสมุทรอาร์กติก และมีพรมแดนทางตอนใต้ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก กระนี้ กรีนแลนด์จึงกลายเป็นที่ซึ่งมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง
5. กรีนแลนด์ มีตัวแทนอยู่ในสภาอาร์กติก (Arctic Council) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการผลักดันประเด็นต่าง ๆ ของสามมหาอำนาจ และสามารถปัดตกวาระต่าง ๆ ที่รัฐสมาชิกเสนอได้เช่นกัน ปัจจุบัน สภาอาร์กติกประกอบไปด้วยสมาชิกรัฐอาร์กติก 8 รัฐ ได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย แคนาดา สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และเดนมาร์กผ่านสิทธิการปกครองกรีนแลนด์
6. ได้รับความสนใจจากจีน: แดนมังกรลุ่มหลงกับกรีนแลนด์เป็นอย่างมาก ถึงขั้นลงทุนซื้อเรือตัดน้ำแข็งหลายลำ เพื่อที่จะสามารถเดินทางส่งสินค้าผ่านน้ำแข็งในภูมิภาคอาร์กติกได้ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับเดนมาร์ก และสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก
7. กรีนแลนด์ แม้จะเป็นดินแดนขั้วโลกอันหนาวเหน็บ แต่ขึ้นชื่อว่ามีทรีพยากรธรรมชาติสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก๊าซธรรมชาติ ตะกั่ว ทอง ทองแดง สังกะสี เหล็ก ยูเรเนียม และน้ำมัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า สามารถขุดน้ำมันที่กรีนแลนด์ได้ราว 2 พันล้านตัน
8. กรีนแลนด์ คือขุมทรัพย์ของพลังงานสะอาด และแร่ธาติหายาก โดยสิ่งที่พบมากที่สุดคือ ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งมีอยู่มากทางตอนใต้ของกรีนแลนด์ ทั้งยังสามารถพบแร่ธาตุหายากมากถึง 1.5 ล้านตัน ซึ่งมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
9. กรีนแลนด์กับผลพวงจากโลกร้อน: งานวิจัย ระบุว่า ธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายเฉลี่ย 30 ล้านตันในทุก ๆ 1 ชั่วโมง โดยวิเคราะห์จากภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งเป็นผลพวงของอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น
ที่มา: BBC
ข่าวที่เกี่ยวข้อง