เปิดเส้นทางชีวิต "กรุงศรีวิไล" อดีตพระเอกดังก่อนมาถึงช็อตเด็ดก้มลงกราบเท้า "บิ๊กป้อม" แอคชั่นสมลีลาอดีตนักแสดงดังเจ้าของรางวัลตุ๊กตาทอง
ก่อนจะเป็น "กรุงศรีวิไล" อดีตนักแสดงและนักการเมือง
"กรุงศรีวิไล" มีชื่อเล่นว่า เอ๊ด เดิมชื่อว่า นที สุทินไชยยะ ปัจจุบันอายุ 76 ปี เกิดที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จบประถมศึกษาที่โรงเรียนบางพลีน้อย และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในตัวอำเภอโดยอาศัยอยู่กับวัด หลังจบชั้น ม.6 ย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนในจังหวัด แต่ยังไม่ทันจบชั้น ม.8 ได้ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ สอบเข้าโรงเรียนช่างกลปทุมวัน เรียนอยู่ได้ 2 ปีก็ถูกสั่งให้ออก
อย่างไรก็ดีหลังถูกสั่งให้ออกได้เรียนภาษาอังกฤษ และพิมพ์ดีดเพิ่มเติม จึงได้รู้จักกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ได้ฝากเข้าทำงานกับกรมศุลกากร เป็นฝ่ายติดต่อราชการ และงานด้านชิปปิ้ง ทำอยู่ได้ 4 ปี ได้ออกมาเปิดร้านขายผ้าไหมส่งออกที่โรงแรมแมนดาริน และต่อยอดธุรกิจโดยเปิดร้านจิวเวลรี่เพิ่ม กระทั่งย่างเข้าปีที่ 4 กิจการไปไม่ไหว หุ้นส่วนหนีไปต่างประเทศพร้อมเงินสดในร้านจึงต้องปิดกิจการ
อดีตนักแสดงเจ้าของ "รางวัลตุ๊กตาทอง" และ "ดารานำชายยอดเยี่ยมของเอเชีย"
ชื่อของ "กรุงศรีวิไล" เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ในฐานะนักแสดง จากภาพยนตร์เรื่อง ลูกยอด ที่แสดงคู่กับ "เพชรา เชาวราษฎร์" หลังจากที่ "มิตร ชัยบัญชา" เสียชีวิต ก่อนจะดังเป็นพลุแตกกับภาพยนตร์เรื่อง ทอง ภาค 1,โดยได้รับรางวัล "ดารานำชายยอดเยี่ยมของเอเชีย" ที่ส่งไปประกวดที่ไทเปหรือไต้หวันในปัจจุบัน จากนั้นได้รับ "รางวัลตุ๊กตาทอง" จากภาพยนตร์เรื่องชู้ และมีผลงานการแสดงออกมาหลายเรื่อง
ต่อมาได้เล่นภาพยนตร์เรื่อง "ซุปเปอร์ลูกทุ่ง" ร่วมแสดงกับนักแสดงตลกชื่อดัง "ล้อต๊อก" จากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้กรุงได้รับฉายาว่า "พระเอกซุปเปอร์ลูกทุ่ง" และได้เริ่มมีการออกโชว์ตัวตามจังหวัด เมื่อเห็นว่าไปได้ดีจึงฟอร์มวงดนตรีใช้ชื่อเดียวกับหนังคือ "ซุปเปอร์ลูกทุ่ง-กรุงศรีวิไล" ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เดินสายเล่นดนตรีได้ 5 ปี 8 เดือน เขาก็ตัดสินใจยุบวง และหยุดจากวงการบันเทิงไป 5 ปี จึงเริ่มหวนสู่จอแก้วอีกครั้ง ในช่วงแรกรับเล่นละครแนวจักรๆ วงศ์ๆ และเริ่มพลิกบทบาทจากพระเอกมาเล่นเป็นบทตัวร้าย
"กรุงศรีวิไล" บนเส้นทางการเมือง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 "กรุงศรีวิไล" ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวงของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปช. และตัดสินใจเข้าสู่ถนนการเมือง โดยลงสมัครและได้รับเลือกตั้งที่ จ.สมุทรปราการ ในนามพรรคพลังประชาชน ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบเหลือง กล่าวหาว่า ทุจริตการเลือกตั้ง และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่จนศาลยกคำร้อง
ซึ่งหลังจากที่ พรรคพลังประชาชน ถูกยุบจึงย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย ก่อนจะย้ายไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย เมื่อพรรคเพื่อไทย ติดประกาศหน้าพรรคห้าม "กรุงศรีวิไล" และ ส.ส. ของพรรคอีก 3 คน เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองของพรรค "กรุงศรีวิไล" จึงได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ในวันเดียวกัน
ในการเลือกตั้งปี 2554 "กรุงศรีวิไล" ได้ลงสมัครเลือกตั้งใน จ. สมุทรปราการ เขต 5 สังกัดพรรคภูมิใจไทย แต่แพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งก่อนการเลือกตั้งนั้นเขาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "กรุงศรีวิไล สุทินเผือก" ชื่อที่ใช้ในปัจจุบัน ต่อมาในปี 2561 "กรุงศรีวิไล" ได้เดินทางไปยัง กกต. เพื่อยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และย้ายเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ก็ได้รับเลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง
จากนั้นในวันที่ 2 ธันวาคม ปีเดียวกันนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรณีมีบุคคลใกล้ชิดของ "กรุงศรีวิไล นำเงินใส่ซองช่วยเหลืองานศพ ส่งผลให้ กรุงศรีวิไล ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา กระทั่งในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้พิพากษาให้มีการเลือกตั้งใหม่เขต สมุทรปรากการ ซึ่งกรุง ศรีวิไลสามารถสมัครรับเลือกตั้งในคราวนี้ได้
และในการเลือกตั้งซ่อม เขต 5 สมุทรปราการ วันที่ 9 สิงหาคม 2563 กรุงศรีวิไล สามารถเอาชนะคู่แข่งแบบขาดลอยได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 40,000 คะแนน จากประชาชนให้กลับเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.สังกัดพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง พร้อมกับสร้างตำนานช็อตก้มกราบแทบเท้า "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขณะลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อวานนี้