SHORT CUT
เปิดข้อสงสัยในการจัดงาน World EXPO 2025 บริษัทเลิกกิจการ กับผู้รับงานงบประมาณ 867 ล้านบาท แถมไม่ตรงกับธีมของงาน
งาน World EXPO 2025 Osaka Kansai มหกรรมระดับโลกที่ประเทศไทยเข้าร่วมจัดแสดง เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเป็นความภาคภูมิใจ กลับเกิดข้อสงสัยและความกังวลจากหลายฝ่าย ประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การออกแบบและเนื้อหาของ Thailand Pavilion ที่ถูกมองว่าเป็น "ดีไซน์เอกชน คอนเท้นท์ข้าราชการ" แต่ยังรวมไปถึงความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีของผู้ชนะการประมูลงานด้วยงบประมาณกว่า 867.8 ล้านบาท ที่มีชื่อคล้ายคลึงกับบริษัทที่ได้จดทะเบียนจัดตั้งและเลิกกิจการไปแล้ว
โครงการ Thailand Pavilion สำหรับงาน World Expo 2025 มีกระบวนการเริ่มต้นจากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมงานเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ต่อมา ครม. ได้เห็นชอบแผนการดำเนินงานและกรอบงบประมาณในปี 2565 และอนุมัติให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เป็นผู้ดำเนินการหลักในการจัดนิทรรศการ ครม. ยังได้อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2566-2569 ในวงเงิน 867,881,611 บาท
สำหรับการดำเนินการ โดยมีกรอบงบประมาณรวมสำหรับการบริหารและจัดงาน Expo 2025 Osaka Kansai ทั้งสิ้น 973.48 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของการดำเนินการจัดงานนิทรรศการมีงบประมาณ 867.88 ล้านบาท
กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อหาผู้ดำเนินการ Thailand Pavilion มีความน่าสนใจเนื่องจากการยกเลิกและประกาศใหม่หลายครั้ง เริ่มจากการกำหนดราคากลางครั้งแรกในวันที่ 27 เมษายน 2566 ที่ 867,880,000 บาท ต่อมามีการยกเลิกการจ้างโดยวิธีคัดเลือกเนื่องจากไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์ และกำหนดราคากลางใหม่ในวงเงินเดิม ในเดือนกรกฎาคม 2566 มีการประกาศผู้ชนะการเสนอราคาโดยวิธีคัดเลือกครั้งที่ 2 คือ "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" ด้วยวงเงิน 862,000,000 บาท อย่างไรก็ตาม การจัดจ้างครั้งนี้ก็ถูกยกเลิกในเดือนตุลาคม 2566 เนื่องจากเกินกำหนดการยืนราคา ในที่สุด กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ประกาศให้ "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" เป็นผู้ชนะการเสนอราคาโดย วิธีเฉพาะเจาะจง ในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ด้วยวงเงิน 867,800,000 บาท ที่น่าสังเกตคือ การกำหนดราคากลางครั้งสุดท้ายอ้างอิงราคาจากบริษัทที่เป็นผู้ชนะการประมูลเพียงรายเดียว
ประเด็นที่สร้างความสงสัยอย่างมากคือ การตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่ามี "บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด" ซึ่งมีชื่อคล้ายคลึงกัน ได้จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท และได้แจ้งเลิกบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 โดยเสร็จสิ้นการชำระบัญชีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่บริษัทที่มีชื่อคล้ายกันได้เลิกกิจการไปแล้ว "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" ยังได้รับงานจัดพื้นที่รองรับการจัดนิทรรศการชั่วคราวเพิ่มเติมอีก 12.65 ล้านบาท โดยวิธีเฉพาะเจาะจงเช่นกัน
ข้อมูลระบุว่า "บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด" มีกรรมการคือ นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ และนายนภดล สัตยารักษ์ โดยประกอบธุรกิจด้านสถาปัตยกรรมและการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้อง แม้จะยังไม่มีข้อสรุปว่า "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" และ "บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด" เป็นนิติบุคคลเดียวกันหรือไม่ แต่ความคล้ายคลึงของชื่อและช่วงเวลาที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดข้อสงสัยในเรื่องความโปร่งใสของการใช้งบประมาณแผ่นดิน
นอกเหนือจากประเด็นเรื่องผู้รับงานแล้ว ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเนื้อหาและการออกแบบของ Thailand Pavilion ที่ถูกมองว่าไม่สอดคล้องกับแนวคิดหลักของงาน Expo คือ “Future Society for Our Lives” โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นไปที่อดีต ธรรมชาติ อาหาร และสาธารณสุข ซึ่งขัดแย้งกับธีมหลักที่มุ่งเน้นไปที่อนาคต
ทางด้านนายแพทย์กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้กล่าวถึงการจัดเตรียมงานภายใต้งบประมาณ 973.48 ล้านบาท ว่าได้พิจารณาความคุ้มค่าและประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างสูงสุด และยินดีน้อมรับข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน พร้อมทั้งระบุว่าในช่วง 3 วันแรกของการเปิดงาน มีผู้เข้าชม Thailand Pavilion กว่า 18,076 คน
ประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดจ้างผู้ดำเนินการ Thailand Pavilion ในงาน World EXPO 2025 ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ยังคงเป็นที่จับตามองของสาธารณชน ความคล้ายคลึงของชื่อระหว่าง "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" ผู้ชนะการประมูลด้วยงบประมาณสูงถึง 867.8 ล้านบาท และ "บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด" ที่จดทะเบียนและเลิกกิจการไปแล้วในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ก่อให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของทั้งสองนิติบุคคลและความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน นอกจากนี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเนื้อหาและการออกแบบของ Thailand Pavilion ที่ไม่ตรงกับธีมหลักของงาน Expo ก็เป็นอีกประเด็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาและดำเนินการแก้ไข เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยและสร้างความมั่นใจในการบริหารจัดการงบประมาณของภาครัฐ
อ้างอิง