ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC คาดการณ์เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลัง ปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่ยังมีความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Economic Intelligence Center: EIC) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ประเมินเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งหลัง ปี 2565 ในส่วนของเศรษฐกิจไทยคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2565 ตามการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่ในระยะถัดไปยังมีความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว ในช่วงครึ่งหลัง ปี 2565
ภาคการส่งออกยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะจากปัจจัยด้านราคาที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีจากเศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัวลงจากภาวะเงินเฟ้อเร่งตัวสูงและการดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวของธนาคารกลางในหลายประเทศ อีกทั้ง นโยบายควบคุมโควิดอย่างเข้มข้น (Zero Covid) ในจีน ยังเป็นความเสี่ยงต่อการล็อกดาวน์ระลอกใหม่
บทความที่น่าสนใจ
วิกฤตซ้อนวิกฤต ปัญหาเศรษฐกิจ และปัจจัยเสี่ยงสงครามโลกครั้งที่สาม ?
ดร.อมรเทพ วิเคราะห์ 6 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทย ครึ่งปีหลัง 2565
การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัว การเกษตรขยายตัว ปลายปีการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น
ส่วนด้านการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวทั้งจากการลงทุนภายในประเทศและการลงทุนจากต่างชาติตามแนวโน้มการเปิดเมือง แต่การลงทุนบางส่วนอาจชะลอหรือเลื่อนออกไปจากการส่งออกที่จะชะลอตัวลง
ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ รวมถึงปัญหาด้านเงินเฟ้อ ในระยะต่อไปเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์จากการทยอยเปิดประเทศของทั้งไทยและประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยว ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงท้ายปีมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น
โดย EIC คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยรวม 7.4 ล้านคนในปีนี้ ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา เติบโตได้ดีจากการเริ่มกลับไปใช้ชีวิตตามปกติของประชาชน ส่งผลให้ในปี 2022 จำนวนผู้เยี่ยมเยือนไทยมีแนวโน้มแตะ 194 ล้านคน และด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น
ส่วนรายได้ภาคเกษตรที่ขยายตัวได้ดี และอุปสงค์คงค้าง (pent-up demand) จากกลุ่มรายได้สูง และด้านตลาดแรงงานที่เริ่มส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น แม้ยังมีความเปราะบางและยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ในบางภาคธุรกิจ ส่งผลให้การบริโภคในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวที่ดี
เงินเฟ้อมีแนวโน้ม เร่งตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2565
แต่ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยจะยังเผชิญแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อ โดยราคาพลังงานโลกยังคงอยู่ในระดับสูงจากปัญหาด้านอุปทานภายหลังการคว่ำบาตรรัสเซียที่เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกพลังงานหลักของโลก และแนวโน้มการชะลอการลงทุนในการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงไปใช้พลังงานสะอาด
ประกอบกับมาตรการอุดหนุนด้านพลังงานของรัฐที่ทยอยลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อไทยล่าสุดเดือน มิ.ย. สูงถึง 7.7% เร่งตัวขึ้นจาก 7.1% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่เงินเฟ้อหมวดอาหารสดมีแนวโน้มเร่งตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2565 โดยเฉพาะราคาข้าวที่จะกลายมาเป็นตัวเร่งเงินเฟ้อจากผลของปัจจัยฐานต่ำ และราคาเนื้อหมูที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในระยะต่อไป
EIC คาดว่าเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นได้อีกในระยะถัดไป ตามความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ส่งผลต่อราคาพลังงานและโภคภัณฑ์โลก มาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ลดลง และการส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภคที่มีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้น
โดย EIC ประมาณการการขยายตัวของ GDP เป็น 2.9% จากภาคบริการ ท่องเที่ยว และภาคเกษตรที่ฟื้นตัว ท่ามกลางการส่งออกสินค้าที่มีแนวโน้มชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ที่มา ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Economic Intelligence Center: EIC)