ผู้นำในวันที่ต้องปรับตัว : จากอธิการบดี สู่แร็ปเปอร์ - พี่เนียน
ช่วงที่เป็นอธิการบดี สจล. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ถือว่าเป็นผู้บริหารสถาบันการศึกษาที่ฉีกวิธีคิดแบบเดิม ๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย และสร้าง “เซอร์ไพรส์” ให้ได้เห็นอยู่เสมอ ด้วยวิธีคิดที่ว่า “โลกเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยน เราสูญพันธุ์”
เลี้ยวเข้าสู่หัวโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันพิพากษาหาพ่อเมืองกรุงเทพฯ แล้ว ความทุกข์ยากและปัญหาสารพันเป็นตัวผลักดันให้การกากบาทเดิมพันอนาคตกรุงเทพมหานครในรอบนี้ขึ้นสู่กระแสสูง ผู้สมัครหน้าใหม่ที่เพิ่งลงสนามการเมืองเป็นครั้งแรกอย่าง ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ “เอ้” อดีตอธิการบดี สจล. ถือเป็นน้องใหม่ที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในรอบนี้
สุชัชวีร์ เก็บข้าวของออกจาก สจล. มาลงชิงผู้ว่าฯ กทม. พร้อมกับหิ้วแบรนด์ “พี่เอ้” ที่ประชาคม สจล. คุ้นเคยมาด้วย ไม่ใช่เรื่องปกตินักในสังคมไทยที่ผู้บริหารสูงสุดของมหาวิทยาลัยอย่างอธิการบดีจะถูกเรียกขานอย่างเป็นการทั่วไปจากคนในสถาบันว่า “พี่”
การที่คนในรั้วแคแสดเรียกสุชัชวีร์ว่า “พี่เอ้” อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องบรรดาศักดิ์ทางการบริหาร สะท้อนให้เห็นถึงความใกล้ชิดและเป็นกันเองระหว่างผู้บริหารกับชาว สจล. ได้เป็นอย่างดี นอกจากโครงการและผลงานต่าง ๆ แล้ว เขาถือเป็นอธิการบดีที่ฉีกวิธีคิดแบบเดิม ๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและสร้าง “เซอร์ไพรส์” ให้ได้เห็นอยู่เสมอ ซึ่งแต่ละปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นดังนาฬิกาปลุกให้สังคมเห็นว่า "โลกเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยน เราสูญพันธุ์"
รับฟังอย่างใกล้ชิด
สุชัชวีร์ นั่งเก้าอี้อธิการบดีในวันที่องค์กรเผชิญกับวิกฤติจากคดียักยอกเงิน 1,600 ล้านบาท สจล. ในขณะนั้นอยู่ในห้วงเวลาแห่งความสูญเสียทางการเงินและความสูญสิ้นทางศรัทธา
43 กะรัตบนเก้าอี้อธิการบดี เขาประกาศภารกิจฟื้นศรัทธา สจล. ภายใน 90 วัน โดยวันแรกของการทำงาน สุชัชวีร์ และคณะทำงานบริหารสวมเสื้อยืดคอกลมที่มีข้อความว่า “I Love KMITL” เพื่อส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงและนับหนึ่งแคมเปญ “เรารัก สจล.” รวมใจชาวลาดกระบัง ใช้พลังแห่งความรักพา สจล. ข้ามผ่านวิกฤติ
ตามด้วยนโยบาย “KMITL ONE” อันเป็นการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัย ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถาบัน โดยพี่เอ้และทีมผู้บริหาร สจล. เดินสายร่วมประชุมกับส่วนงานต่าง ๆ ในแต่ละคณะมากกว่า 50 ครั้งด้วยตนเอง จนนำมาสู่การปรับกระบวนการจัดทำแผนการดำเนินงานที่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากชาวประชาคมลาดกระบัง จากจุดนั้น พี่เอ้พา สจล. ทะยานอย่างก้าวกระโดดขึ้นสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำ
“สจล. ที่นี่ เรียก ‘พี่’ ได้เลย”
สุชัชวีร์และคณะผู้บริหารผลักดันแนวทางการบริหารที่ทำให้เห็นว่า ผู้บริหารใส่ใจและใกล้ชิดนักศึกษา เหมือนกับพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน
ความพยายามสลายกำแพงที่กั้นระหว่างผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษาปรากฏอยู่เสมอ หลายครั้งจะเห็นพี่เอ้ไปต่อแถวซื้อและรับประทานอาหารที่โรงอาหารร่วมกับนักศึกษา ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาพูดคุยหรือแจ้งปัญหากับทางอธิการบดีโดยตรง และที่ สจล. การเรียกอาจารย์และบุคลากรว่า “พี่” เป็นเรื่องปกติ
“น้อง ๆ สามารถเรียกอาจารย์ทุกท่านที่นี่ ว่า ‘พี่’ ได้เลยนะครับ ขอให้น้อง ๆ มีความสุขในการเรียน โดยพี่ ๆ ทุกคนที่นี่พร้อมให้คำปรึกษากับน้อง ๆ อย่างสนิทสนม”
พี่เนียนกิตติมศักดิ์
โดยทั่วไป ธรรมเนียมการเข้าสู่มหาวิทยาลัยจะมีการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ เพื่อต้อนรับและชี้แจงสิ่งที่นักศึกษาควรทราบ โดยเชิญอธิการบดีและคณบดีมากล่าวต้อนรับและให้โอวาท ซึ่งบรรยากาศงานมักจะออกมาจริงจัง เคร่งขรึม ไปจนถึงน่าเบื่อ พี่เอ้เห็นว่างานปฐมนิเทศแบบเดิมไม่เอื้ออำนวยให้บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีแรงดึงดูดมากพอจะให้นักศึกษาสนใจฟัง จึงปรึกษากับนักศึกษาปี 2 ว่าทำอย่างไรจึงจะสร้างความแตกต่างได้
ผลออกมาเป็นการให้อธิการบดีพี่เอ้เป็น “พี่เนียน” ปลอมตัวปะปนกลมกลืนไปกับหมู่เฟรชชี่ลาดกระบัง โดยมีนักศึกษาปี 2 คอยช่วยเหลือให้เป็น “น้องเอ้” ได้อย่างแนบเนียนที่สุด
เมื่อถึงเวลาที่อธิการบดีต้องขึ้นกล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ ทั้งห้องประชุมส่งเสียงเรียก “พี่เอ้ๆ ๆ” สุชัชวีร์ที่นั่งเนียนอยู่ในวงน้องใหม่ลาดกระบังก็วิ่งออกมากล่าวต้อนรับ ถือเป็นการเซอร์ไพรส์น้องใหม่ที่สร้างสีสันในการปฐมนิเทศครั้งนั้นเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง
ร้อง เต้น เล่นใหญ่
นอกจากนี้ แม้จะจบการศึกษามาทางวิศวกรรม แต่พี่เอ้มักจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการร้อง เล่น เต้น โชว์เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับนักศึกษา สจล. เสมอ
ครั้งหนึ่งพี่เอ้เคยควง 3 คณบดีขึ้นเวทีจับไมค์โชว์ “แร็ปลาดกระบัง” ต้อนรับนักศึกษาใหม่ในงานปฐมนิเทศ เบื้องหลังการขึ้นโย่ว โย่วในครั้งนั้น พี่เอ้และทีมงานทุ่มเทการซ้อมอย่างหนัก แม้จะเขินอายไปบ้าง แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเข้าถึงนักศึกษารุ่นใหม่ที่เข้ามาเป็นครอบครัว สจล. จากการขึ้นแร็ปในครั้งนั้นสร้างปรากฎการณ์ที่สื่อหลายสำนักให้ความสนใจ ภายใน 1 สัปดาห์มีคนเข้าไปชมลีลาของ “แร็ปเปอร์พี่เอ้” ถึง 5 ล้านวิว
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ในการส่งบัณฑิตออกจากรั้วลาดกระบัง พี่เอ้ก็เคยสร้างเซอร์ไพรส์มาแล้ว ทั้งการเป็นวาทยกรเพื่อบรรเลงเพลงในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ไปจนถึงเชิญศิลปินชื่อดังอย่าง ธนชัย อุชชิน หรือ “ป๊อด โมเดิร์นด็อก” และ อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” มาร้องเพลงเป็นของขวัญส่งบัณฑิต สจล. ออกไปรับใช้สังคมด้วยความสุขและความหวัง
นี่คือการปรับตัวและเปลี่ยนวิธีคิดของอธิการบดีและมหาวิทยาลัย เพื่อทลายกำแพงให้ สจล. เป็นครอบครัวที่สนิทสนมและบ้านที่อบอุ่นสำหรับทุกคน ผ่านการทำงานอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง หากมองให้ลึกลงไป ทั้ง “การแร็ป” และ “พี่เนียน” ล้วนเป็นตัวอย่างของการปรับตัวให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่และทันโลกทันสมัยมากขึ้น
สิ่งต่าง ๆ ที่ สุชัชวีร์ ทำเป็นนัยเขย่าสังคมให้ตระหนักว่า โลกนี้ไม่หยุดนิ่งจึงต้องปรับตัวให้สามารถยืนหยัดอย่างยั่งยืนท่ามกลางสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงและพายุแห่งความผันผวนที่พุ่งเข้ามาท้าทายในอนาคต
เสียงแห่งความเปลี่ยนแปลงดังขึ้นกลางกรุง เมื่อ สุชัชวีร์ ยื่นใบสมัครผู้ว่าฯ กทม. และประกาศว่า ถึงเวลายกเครื่องเมืองหลวงและแก้ไขปัญหาซ้ำซากที่เกาะกรังอยู่ กับภารกิจ “เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้”
บทความเกี่ยวกับ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
