กางภารกิจเปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นเมืองทันสมัย ด้วยเทคโนโลยี ของเอ้ สุชัชวีร์
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กางภารกิจเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่ทันสมัย แก้ไขปัญหาซ้ำซากด้วยเทคโนโลยี ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาว กทม.
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เลี้ยวเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว กล่าวได้ว่า ในศึกชิงพ่อเมืองหนนี้ระดับความเข้มข้นของการแข่งขันสูงเข้าขั้นปรากฏการณ์ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์อย่าง ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ถือเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตผู้ถูกยกให้เป็นตัวเต็งเบอร์ต้น ๆ ที่มีโอกาสเข้าวิน ตั้งแต่วันแรกที่ม้าเต็งสีฟ้าตัวนี้ออกวิ่ง การผ่าตัดใหญ่ กทม. คือภารกิจที่สุชัชวีร์ยืนยันอย่างมั่นคงในการลงสมัครท้าชิงเก้าอี้เสาชิงช้าครั้งนี้
ภารกิจเปลี่ยนกรุงเทพฯ ของเขามี 2 องค์ คือ “เปลี่ยนชีวิต” ชาว กทม. ให้ดีขึ้นทั้งด้านปากท้อง สาธารณสุข รวมถึงการศึกษา และ “เปลี่ยนเมือง” สู่กรุงเทพฯ ที่ทันสมัย แก้ไขปัญหาซ้ำซากด้วยเทคโนโลยี
“ยุคนี้ผู้นำไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีไม่ได้แล้ว เพราะถือเป็นปัจจัยหลักในการแก้ปัญหา”
สุชัชวีร์ ชี้ว่า มหานครในโลกอย่างลอนดอน โตเกียว หรือปักกิ่งต่างใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาแก้ไขปัญหาเมืองและทำให้คุณภาพชีวิตของพลเมืองดีขึ้น
แต่กับเมืองไทย กรุงเทพมหานครเสียโอกาสอย่างมหาศาลจากการไม่รู้จักนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการให้บริการประชาชน กลายเป็นเมืองตกยุคตกสมัยที่ไม่สามารถรับมือกับปัญหาได้ การนำเทคโนโลยีมาใช้กับกรุงเทพมหานครเป็นสิ่งที่เป็นไปได้และเป็นสิ่งที่ต้องทำ
ตัวอย่างเช่น เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีข่าวการหากุญแจเครื่องสูบน้ำไม่เจอ ทำให้น้ำท่วมในเขตพื้นที่บางเขน ถึงจะมีการแก้ข่าวในภายหลัง แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า การรับมือกับฝนตกของเมืองหลวงแห่งนี้ยังต้องใช้คนไปไขกุญแจเพื่อกดปุ่มเปิดการทำงานของเครื่องสูบน้ำ ซึ่งมีโอกาสเกิดข้อบกพร่องได้ง่ายและไม่ทันสถานการณ์
ใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหากรุงเทพฯ
ปัญหาน้ำท่วมและการจราจรเป็นปัญหาซ้ำซากที่อยู่คู่เมืองหลวงรัตนโกสินทร์แห่งนี้มายาวนาน แต่วันนี้นายช่างใหญ่จากลาดกระบังเห็นทางแก้ไข และพบว่าเทคโนโลยีเป็นอาวุธสำคัญในการถอดสลักปัญหาแห่งยุคสมัย
ปัญหาฝนตกน้ำท่วมเป็นเรื่องเชิงเทคนิค มีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง กทม. ปัจจุบันเป็นแอ่งกระทะอย่างสมบูรณ์ ระบบสูบน้ำจึงเป็นหัวใจสำคัญในการระบายน้ำ สุชัชวีร์เสนอการแก้ปัญหาระยะสั้นด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างระบบเซ็นเซอร์และ Internet of Things เข้ามาปรับใช้กับระบบระบายน้ำ
เปลี่ยนจากเดิมที่เป็นปั๊มน้ำและประตูระบายน้ำระบบน้ำมันและใช้คนควบคุม เป็นระบบไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยระบบสั่งการอัตโนมัติที่ทรงประสิทธิผลกว่า บอกลาปัญหา “กุญแจหาย” หรือ “คนเปิดปิดประตูน้ำยังไม่มา” รวมทั้งวางระบบการแจ้งเตือนน้ำท่วมขังในแต่ละเส้นทาง เพื่อดำเนินการสูบน้ำอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
กระนั้น ระบบสูบน้ำอย่างเดียวไม่เพียงพอ ในระยะกลางต้องทำแก้มลิงใต้ดินควบคู่ไปด้วย หลักการก็คือ เมื่อฝนตกลงมาและมีน้ำรอระบายจำนวนมาก ควรมีพื้นที่ใต้ดินสำหรับนำน้ำเหล่านั้นไปเก็บก่อน เมื่อฝนหยุดก็ค่อยสูบออกมา น้ำก็จะไม่ท่วมขัง
ในระยะยาว มีการพยากรณ์อนาคตของกรุงเทพฯ ว่าเสี่ยง “จมน้ำ” จึงต้องเริ่มโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนให้เร็วที่สุด เพราะเป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาหลายปี ถ้าไม่เริ่มนับหนึ่งให้ไวก็อาจพยุงกรุงเทพฯ ไว้ไม่ทัน
ส่วนปัญหารถติด แก้ไขได้ด้วยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ AI มาช่วยอำนวยการจราจร โดยใช้กล้องตรวจจับและบันทึกข้อมูล เช่น ปริมาณรถที่วิ่งผ่านและติดขัดในพื้นที่ต่าง ๆ จากนั้น AI จะเชื่อมต่อข้อมูลต่าง ๆ และประมวลผลวิเคราะห์ ทำให้การบริหารจัดการจราจรมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าในปัจจุบันที่ยังใช้คนควบคุมอยู่
อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาจราจรต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีคุณภาพสูง ทั่วถึง และราคาถูก ผู้ว่าฯ กทม. ต้องผลักดันให้มีรถเมล์พลังงานไฟฟ้าที่ทั้งปลอดภัยและสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
อีกปัญหาที่น่ากังวลของ กทม. คือฝุ่น PM 2.5 สุชัชวีร์เสนอให้เพิ่มเครื่องตรวจวัดค่า PM 2.5 ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และรายงานผลไปยังส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการนี้จะทำให้ทราบสถานการณ์ฝุ่น ทั้งที่มาไปและบริเวณที่เกิดฝุ่นเพื่อให้การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นไปอย่างตรงจุด รวมถึงการแสดงผลที่ตรวจวัดได้ผ่านหน้าจอต่าง ๆ ที่ กทม. มีอำนาจจัดการ จะช่วยให้ประชาชนทราบปริมาณฝุ่นที่อยู่ในพื้นที่และป้องกันตัวเองได้ทันท่วงที
“คนกรุงเทพฯ ต้องใช้อินเทอร์เน็ตฟรี”
นอกจากการแก้ปัญหาซ้ำซากด้วยเทคโนโลยีแล้ว กรุงเทพฯ ในมือผู้ว่าฯ สุชัชวีร์ จะเป็นเมืองที่ติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ประชาชนใช้ฟรี 150,000 จุด สุชัชวีร์เชื่อว่า การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะเป็นบันไดสำคัญในการก้าวไปสู่บริการสาธารณะที่มีคุณภาพ ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการที่ไร้รอยต่อ การศึกษาที่ไร้พรมแดน เข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัลที่เต็มไปด้วยโอกาส และเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดี
สุชัชวีร์ยังมุ่งยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลและการบริการประชาชนของ กทม. ให้ไปอยู่บนฐานข้อมูลออนไลน์ที่ประชาชนสามารถดำเนินการได้อย่างสะดวกรวดเร็วและโปร่งใสตรวจสอบได้ ประชาชนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ร้องเรียนปัญหา ไปจนถึงตรวจสอบข้อมูลการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครได้ทุกที่และทุกเวลา
นี่คือส่วนหนึ่งของภารกิจเปลี่ยนกรุงเทพฯ สู่เมืองทันสมัยด้วยเทคโนโลยี ที่สุชัชวีร์หมายมั่นปั้นมือจะทำให้สำเร็จหากได้นั่งเป็นพ่อเมือง แม้จะมีข้อกังขาและข้อวิจารณ์มากมายถึงความเป็นไปได้ แต่จากหลักฐานความสำเร็จที่เกิดขึ้นจริงในมหานครชั้นนำทั่วโลก ประสานกับความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ทำให้เขายังคงยืนหยัดอย่างชัดเจนว่า “เราทำได้”
“เราต้องเชื่อก่อน ไม่อย่างนั้นเราก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้”
บทความเกี่ยวกับสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
