เกิดคำถามตามมากมาย เมื่อฟิลิปปินส์ เผยว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในไทย เลื่อนส่งมอบให้กับทางการฟิลิปปินส์ แถมลดจำนวนโดสลงอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้คนในฟิลิปปินส์แน่นอน
ความล่าช้าจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
ชื่อของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ กลายเป็นที่สนใจในแวดวงข่าวต่างประเทศ เมื่อมีการเปิดเผยจากสำนักข่าว รอยเตอร์ โดยรายงานระบุว่า โจอี้ คอนเซปชอน ที่ปรึกษาประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ออกมาเปิดเผยว่า กำหนดการจัดส่งวัคซีนโควิด-19 ของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ล็อตแรกให้กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ล่าช้ามาแล้วหลายสัปดาห์แล้ว ซึ่งนั่นแปลว่า ผลกระทบตกอยู่กับประชากรฟิลิปปินส์ด้วยที่จะได้รับวัคซีนล่าช้าออกไป ซึ่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ล็อตนี้ มี สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้รับผิดชอบ และ วัคซีนล็อตนี้ มีการผลิตในไทย...
ทั้งนี้ ในรายงานข่าวของรอยเตอร์ เผยว่า โจอี้ คอนเซปชอน ที่ปรึกษารัฐบาลฟิลิปปินส์ เผยว่า วัคซีนล็อตแอสตร้าเซนเนก้า เป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย โดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด พร้อมเปิดเผยเหตุผลของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าว่า เป็นเพราะการผลิตในประเทศไทยล่าช้า ทั้งที่เขาเองก็ ได้ประสานงานกับแอสตร้าเซนเนก้า ทุกวันตลอดเวลา
“มันเป็นการเปิดการเปิดโรงงานใหม่ นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเปิดโรงงานใหม่” โจอี้ คอนเซปชอน ที่ปรึกษาประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เปิดเผยสาเหตุความล่าช้าของวัคซีน ผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์
โดยตามรายงาน ระบุว่า แต่เดิมนั้น บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ มีกำหนดส่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าล็อตแรกจำนวน 1.3 ล้านโดส ให้ฟิลิปปินส์ในเดือนมิถุนายน ....แต่ก็เกิดความล้าช้า จนต้องเลื่อนไปเป็นกลางเดือนกรกฎาคมจนถึงสิงหาคมด้วย และมีการกำหนดปริมาณลง เหลือ 1.17 ล้านโดสอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ ทาง สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ วัคซีนล็อตนี้ มีการผลิตในไทย ยังไม่มีคำตอบในประเด็นนี้ให้กับทางการฟิลิปปินส์ เลย
ผลของเหตุการณ์นี้ ทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับแผนกระจายวัคซีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต้องพึ่งพาวัคซีน 200 ล้านโดสที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ของไทย
การตั้งคำถามตามมา
และจากการเกิดข่าวแบบนี้ขึ้น ทำให้หลายฝ่าย เริ่มมีการ ตั้งคำถามและตั้งข้อสังเกต ถึงการผลิตวัคซีนของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ว่าจะผลิตทันเวลากับประเทศต่างๆ ที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้หรือไม่ เพราะทาง สยามไบโอไซเอนซ์ ถูกคาดหวังว่าจะเป็นฐานการผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่ฟิลิปปินส์ ออกข่าวมาว่า ไม่ได้รับวัคซีนตามที่กำหนดนั้น อาจเป็นเพราะ ทางสถานการณ์โควิด-19 ระบาดในไทย ก็ยังคุกรุ่นอยู่ไม่แพ้กัน
ดังนั้น อาจเป็นไปได้ที่ แอสตร้าเซนเนก้าและ สยามไบโอไซเอนซ์ มีความจำเป็นต้องผลิตวัคซีนป้อนให้กับในประเทศไทยก่อน เป็นลำดับแรก เพราะล่าสุด วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ เพิ่งได้รับการอนุมัติจากไทยให้เริ่มจัดส่งภายในสัปดาห์นี้ โดยเพิ่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศ รวมถึงผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าในต่างประเทศ นับเป็นการยืนยันคุณภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทยว่ามีมาตรฐานในระดับสากล และทุกอย่างเป็นไปตามแผนในไทย และจะเริ่มฉีดในไทยตั้งแต่ 7 มิ.ย. ขณะที่ฟิลิปปินส์ อาจจะต้องเป็นรอเป็นคิวในลำดับถัดๆไป หรือไม่ ?
โควิดฟิลิปปินส์
สำหรับ โควิดฟิลิปปินส์ มีการนำเข้าวัคซีนหลายชนิด ทั้งวัคซีน Pfizer 40 ล้านโดส , วัคซีนซิโนแวค 25 ล้านโดส,วัคซีนสปุตนิค วี 20 ล้านโดส , วัคซีนโควาซิน 8 ล้านโดส ขณะที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า รัฐบาลฟิลิปปินส์ มีการสั่งซื้อ 17 ล้านโดส และรับจากโครงการโคแวกซ์ เบื้องต้นเพิ่มอีก 480,000 โดส
ขณะที่ โควิดฟิลิปปินส์ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมราวๆ 1.2 ล้านคน และเสียชีวิต 21,000 ราย ขณะที่การระดมฉีดวัคซีนในวัคซีนไปแล้ว 5.1 ล้านโดส เฉลี่ยแล้วมี 2.4 เปอร์เซนต์ในจำนวนประชากรของประเทศทีได้รับวัคซีนแล้ว
โดยเป้าหมายแรกๆของฟิลิปปินส์ คือ ต้องรีบระดมฉีดวัคซีนในกรุงมะนิลา และละแวกปริมณฑล ซึ่งต้องใช้วัคซีนราวๆ 13 ล้านโดสเลยทีเดียว จึงจะครอบคลุม
ดังนั้น จะเห็นได้ แม้ฟิลิปปินส์ จะมีการสั่งซื้อวัคซีนที่หลากหลายชนิดที่แตกต่างกัน เพราะถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการบริหารวัคซีนในช่วงเวลาวิกฤต แม้การล่าช้าของสยามไบโอไซเอนซ์กับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โควิดฟิลิปปินส์ด้วย ... แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ที่ฟิลิปปินส์ จะออกข่าวนี้ออกมา เพราะอย่างน้อยก็เป็นการ ลดแรงกดดันจากภาคประชาชนฟิลิปปินส์
และหากมีชาติอื่นออกมาเรียกร้องกดดันเรื่องกรอบเวลาในการส่งมอบวัคซีนของสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด อีก...ความขัดแย้งเรื่องวัคซีน อาจลุกลามบานปลายไปสู่การฟ้องร้องเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในสหภาพยุโรปหรือไม่ ...เป็นเรื่องที่น่าจับตาต่อไป...