svasdssvasds

ทำไมคนเรา ยังยอมให้ระบบกดขี่ ในขณะที่ AI นั้นไปไกลแล้ว?

ทำไมคนเรา ยังยอมให้ระบบกดขี่ ในขณะที่ AI นั้นไปไกลแล้ว?

AI เป็นศาสตร์แห่งการสร้างเครื่องจักรที่มีความสามารถแบบมนุษย์ โดยเป็นเครื่องจักรที่สามารถวางแผน ใช้เหตุผล สื่อสาร และเรียนรู้ได้ แถมมีเกราะป้องกัน ในขณะที่ AI นั้นไปไกลแล้ว แต่ทำไมมนุษย์ยังยอมให้ระบบต่างๆในที่ทำงานกดขี่กันนะ

SHORT CUT

  • AI เป็นศาสตร์แห่งการสร้างเครื่องจักรที่มีความสามารถแบบมนุษย์ โดยสามารถวางแผน ใช้เหตุผล สื่อสาร ได้
  • อาศัยบริบทในการทำงาน การที่องค์กรต่างๆ ใช้ AI เพื่อตัดสินใจทำให้เกิดปัญหาด้านความโปร่งใส ความเป็นส่วนตัว ความยุติธรรม
  • และคุณที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI หรืออีกนัยหนึ่งคือ แรงงานทั่วไป มีการทำงานที่กดดัน รู้สึกโดนกดขี่มากขึ้น 

AI เป็นศาสตร์แห่งการสร้างเครื่องจักรที่มีความสามารถแบบมนุษย์ โดยเป็นเครื่องจักรที่สามารถวางแผน ใช้เหตุผล สื่อสาร และเรียนรู้ได้ แถมมีเกราะป้องกัน ในขณะที่ AI นั้นไปไกลแล้ว แต่ทำไมมนุษย์ยังยอมให้ระบบต่างๆในที่ทำงานกดขี่กันนะ

AI และอนาคตแห่งการทำงาน

เมื่อทุกคนเห็นพาดหัวแบบนี้ก็คงคิดว่า กดขี่ คำนี้อ่านแล้วดูแรงจัง แต่การกดขี่ในที่นี้คือแบบใด การกดขี่กับ AI จริงๆแล้วคือมาควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นกดดันในด้านการทำงาน ระบบต่างๆที่มี AI เข้ามาแทรกแซง การเกิดความเปรียบ ซึ่งวันนี้ เราจะมาพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นนี้กัน ว่าทำไมคนเรานั้นถึงยังยอมให้ระบบการทำงานกดขี่อยู่ จริงๆแล้วมันมีปัจจัยอะไรกันแน่?

โลกแห่งการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป

AI นั้นต้องอาศัยบริบทในการทำงาน การที่องค์กรต่างๆ ใช้ AI เพื่อตัดสินใจทำให้เกิดปัญหาด้านความโปร่งใส ความเป็นส่วนตัว ความยุติธรรม และความรับผิดชอบตามมา ซึ่ง AI ที่อธิบายสิ่งต่างๆ ได้ (XAI) จะเข้ามามีส่วนช่วยจัดการในเรื่องนี้ AI ประเภทนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่ามนุษย์เข้าใจเหตุผลของอัลกอริทึม และ XAI ยังมีความสำคัญในการช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดของปัญญาประดิษฐ์อีกด้วย

แล้วเรื่องระบบบางระบบกดขี่ และ AI มันเกี่ยวข้องกันยังไง ความจริงแล้วเมื่อเรานั้นไม่ได้ทำความเข้าใจ และยอมรับ AI เลย สิ่งเหล่านั้นแหละที่กำลังกดขี่เรา ยกตัวอย่างเช่น ทนายโดนปรับเนื่องจากใช้การอ้างอิงหลักฐานพยานในชั้นศาลซึ่งมาจาก ChatGPT ในขณะที่สำนักพิมพ์ขนาดเล็กอาจต้องเผชิญหน้ากับเนื้อหาที่ถูกผลิตโดย AI จำนวนมหาศาล 

และแน่นอนว่าแรงงานหรือคนทำงานบางส่วนรู้สึกเหมือนเป็นหนูทดลอง ในการเปลี่ยนผ่านหรือใช้ AI ในการทำงานซึ่งเป็นผลจากการเร่งรีบ สร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ถูกใจนายจ้าง และเพื่อไม่ให้เรานั้นรู้สึกเหมือนโดนเปรียบเทียบ ในบางกรณียังพบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าการใช้ AI ยังสามารถแสดงผลลัพธ์ที่เป็น False Positive และ False Negative ได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใช้ที่มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง การกดขี่พวกนี้ก็มาในรูปแบบของนายจ้างเราเช่นกัน 

เราทำงานมากขึ้นทำความเข้าใจมากยิ่งขึ้น แต่เงินเดือนไม่ได้เพิ่มขึ้น และในปัจจุบันงานวิจัยพบว่า พนักงานระดับที่ไม่ใช่ผู้จัดการหรือไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI หรืออีกนัยหนึ่งคือ แรงงานทั่วไป มีการทำงานที่กดดัน รู้สึกโดนกดขี่มากขึ้นกว่าเดิมด้วยนั่นเอง

และสุดท้ายสิ่งที่เราทุกคนต้องทำไม่ว่าสิ่งเหล่านั้น กำลังกดขี่ หรือต่อให้คุณอาจจะรู้สึกไปเอง ต่อให้มันไม่แฟร์สำหรับคุณ คุณก็ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา โลกมันไปได้ขนาดนี้แล้ว มี AI เข้ามาช่วยทำงานแล้ว ฉะนั้นอย่าปล่อยให้มันมาทำให้เรารู้สึกโดนกดขี่อยู่เลย และถึงแม้นี่มันจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวคุณรู้สึก

มีอีกหลายอย่างมากในที่ทำงานที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ คุณก็ยังปล่อยวางและมาคุยกับเจ้า AI ได้นะ และหากคุณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งแรกที่ต้องมี คือ “สติ” และสิ่งที่ต้องทำต่อมาคือประเมินปัจจัย และเลือกวิธีรับมือกับปัญหา หากคุณมีความพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลงแล้ว คุณจะสามารถอยู่รอดได้ทุกสถานการณ์แน่นอน

ที่มา:THACCA SPLASH : Soft Power 2024,mmthailand

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related