svasdssvasds

How To หางานสำหรับ เด็กจบใหม่! ไม่มีประสบการณ์ หายังไง ให้ได้งาน?

How To หางานสำหรับ เด็กจบใหม่! ไม่มีประสบการณ์ หายังไง ให้ได้งาน?

ชีวิตจริงเริ่มต้นขึ้นหลังจากเรียนจบ ดีใจได้ชั่วครู่ก็ต้องมาดิ้นรนต่อกับการหางาน แต่สำหรับเด็กจบใหม่ ควรหางานยังไงดีนะ ถึงจะได้งาน วันนี้ Spring รวบรวมมาไว้ให้แล้ว

SHORT CUT

  • ชีวิตจริงเริ่มต้นขึ้นหลังจากเรียนจบ ดีใจได้ชั่วครู่ก็ต้องมาดิ้นรนต่อกับการหางาน เด็กจบใหม่ ควรหางานยังไงดี
  • ทำ Resume และ Portfolio ให้ตรงบริษัท หา Personal Brand ของตัวเองให้เจอ เพิ่ม Skills 
  • ใช้ประสบการณ์การฝึกงานหรืองานพาร์ทไทม์เป็นใบเบิกทาง  คำพูดวิสัยทัศน์ในการตอบคำถามต่างๆ

ชีวิตจริงเริ่มต้นขึ้นหลังจากเรียนจบ ดีใจได้ชั่วครู่ก็ต้องมาดิ้นรนต่อกับการหางาน แต่สำหรับเด็กจบใหม่ ควรหางานยังไงดีนะ ถึงจะได้งาน วันนี้ Spring รวบรวมมาไว้ให้แล้ว

เด็กจบใหม่! ไม่มีประสบการณ์ หายังไง

ประตูสู่โอกาสกับการหางานแรก งานที่ใช่และสิ่งที่ชอบ ถ้ามาพร้อมกันเป็นอะไรที่โชคดีสุดๆ แต่ถ้าได้ทำสิ่งที่ชอบแต่องค์ประกอบหลายๆอย่างมันทำให้ไม่ใช่ก็มี เช่น การเดินทางมาทำงาน เงินเดือน หรือ ภาพลักษณ์ของที่ๆจะไปเรายังไม่เหมาะกับเขา หรือเขายังไม่เหมาะกับเรา มันมีอะไรหลายๆอย่างมากๆ วันนี้ Spring ได้รวบรวมมาไว้ให้แล้วที่เป็นสิ่งสำคัญในการหางาน ที่เด็กจบใหม่ทุกคนควรจะมี

ทำ Resume และ Portfolio ให้ตรงบริษัท

ถึงเราจะสมัครงานในบริษัทที่ยินดีรับเด็กจบใหม่ หรือคนไม่มีประสบการณ์ แต่ต้องอย่าลืมว่าเราก็ยังคงมีคู่แข่งอีกมากมายที่อาจจะเป็นต่อเราด้วยประสบการณ์การทำงานที่มากกว่า ดังนั้นด่านแรกมันก็ต้องสู้กันด้วย Resume และ Portfolio ลองศึกษาว่าตำแหน่งงานนั้นทำอะไรบ้าง และบริษัทนั้นทำสินค้าหรือบริการอะไร จากนั้นคัดทักษะ ความสามารถ คุณสมบัติ และผลงานของเราที่ตรงตามที่บริษัทเขาต้องการ 

แล้วใส่ลงไปใน Resume และ Portfolio นอกจากนั้นอาจจะลองทำผลงานขึ้นมาใหม่ เช่น ถ้าเราสมัครตำแหน่งกราฟิกในบริษัทขายรองเท้า เราก็ลองทำโปสเตอร์โปรโมตรองเท้าแล้วใส่ไป Portfolio ดูก็ได้ เพราะเวลาบริษัทเลือกคนเข้ามาทำงาน แน่นอนว่าเขาก็คงอยากได้คนที่ตั้งใจอยากทำกับเขาจริง ๆ

หา Personal Brand ของตัวเองให้เจอ

ในขณะที่ผู้สมัครคนอื่นมีประสบการณ์การทำงานหลายปี แต่ประสบการณ์เรากลับมีศูนย์ ก็อย่าเพิ่งรู้สึกหมดหวังว่าจะไม่ได้งาน ถ้าเราสู้ผู้สมัครคนอื่นไม่ได้เพราะประสบการณ์การทำงาน เราก็สู้ด้วย Personal Brand หรือการสร้างตัวตนให้เป็นที่น่าจดจำของ HR

โดยอย่างแรกคือเราต้องมองตัวเองให้ขาดว่าสรุปแล้วเราเด่นด้านไหน และอยากเอาด้านไหนของเราไปขาย เช่น ไม่ว่าเราจะเรียนอยู่มัธยมหรือมหาวิทยาลัย เรามักจะถูกเลือกให้เป็นประธานนักเรียน ประธานชมรม หรือผู้นำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เสมอ นั่นแสดงให้เห็นว่าเราอาจจะเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง วางแผนจัดการสิ่งต่าง ๆ

ได้อย่างดี รวมไปถึงวิชาเรียนที่เราเรียนได้ดี เช่น ถ้าเราได้เกรด A ในทุกวิชาที่ต้องมีการหาข้อมูลและวิเคราะห์อยู่เสมอ หมายความว่าจุดเด่นของเราก็อาจจะเป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ซึ่งมีประโยชน์มากในการทำงาน ดังนั้นเราต้องนำจุดเด่นเหล่านี้ไปแสดงให้เขาเห็น โดยอาจจะเล่าผ่าน Cover Letter เขียนใน Resume ส่วนที่เป็นคุณสมบัติและทักษะของเรา หรือเล่าตอนไปสัมภาษณ์ก็ได้

เพิ่ม Skills ให้ตัวเองดูเป็นคนพิเศษ

เวลาจะสมัครงานเด็กจบใหม่หลายคนพึ่งแต่บารมีปริญญาตรีที่ตรงสาย แต่ไม่ได้มีทักษะพิเศษอะไรเพิ่มเติมเลย ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าเราอยากเป็นผู้สมัครที่เข้าตา เราต้องทำตัวเองให้แตกต่าง มีความสามารถหลากหลาย อย่าให้เขามองว่าเราก็แค่เด็กจบใหม่ที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไป จงทำให้ตัวเองดูพิเศษมากขึ้น

เช่น เราเรียนจบสาขาการตลาดและอยากสมัครงานสายนี้ นอกจากความรู้ด้านการตลาดที่เราเรียนมาแล้ว เรายังมีทักษะด้านอื่นด้วย เช่น ใช้โปรแกรม Photoshop เป็น ถ่ายรูปสวย เขียนเก่ง ใช้งาน Excel ระดับ Advance มีความรู้หลายภาษา ฯลฯ ยิ่งเรามีความสามารถหลากหลายมากเท่าไหร่เราก็จะเป็นต่อคนอื่นมากเท่านั้น จำไว้ว่าทักษะจะช่วยให้เราก้าวไปได้ไกลขึ้น การกระหายความรู้ ไม่หยุดที่ศึกษาสิ่งใหม่ จะทำให้เราเป็นคนที่บริษัทต้องการ

เอาตัวเองไปอยู่ใน Community ของสายงานที่อยากทำ

ถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วว่าอยากทำงานด้านไหนหรือบริษัทในธุรกิจอะไร ก็พาตัวเองเข้าไปอยู่ใน Community นั้นให้มากที่สุด เช่น เราอยากทำงานด้านการตลาด เราก็ต้องพาตัวเองเข้าไปในแวดวงที่รวบรวมคนที่ทำงานด้านการตลาด หรือสนใจในสิ่งนี้เหมือนกัน

อาจจะเป็นการไปกดติดตามเพจการตลาดต่าง ๆ ไปคอมเมนต์ถาม หรือเข้าไป Join ใน Facebook Group กลุ่มการตลาด แล้วปรึกษา เก็บข้อมูลเกี่ยวกับงานสายนี้ หรือฝากเนื้อฝากตัวดูก็ได้ เชื่อว่าเดี๋ยวก็มีคนที่ทำงานด้านการตลาดมาแนะนำเราเพิ่มเติม หรือโชคดีเขาอาจจะช่วยแนะนำลู่ทางให้เราได้งานที่ต้องการก็ได้

รวมถึงถ้าเราเป็นคนที่มี Connection เยอะ มีเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องที่รู้จักมากมาย ก็ลองถามไถ่ดูว่าพวกเขาเหล่านั้นทำงานในสาขา หรือบริษัทที่เราสนใจอยู่ไหม พยายามไปคุยกับเขาให้เยอะ ๆ มีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่เลือกคนโดยใช้วิธีให้คนรู้จักแนะนำเข้ามา เพราะบางครั้งมันก็ได้ผลดีกว่าการรับคนที่ไม่เคยรู้จักแบ็กกราวด์มาก่อน

ใช้ประสบการณ์การฝึกงานหรืองานพาร์ทไทม์เป็นใบเบิกทาง

การฝึกงาน หรือทำงานพาร์ทไทม์ ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ง่าย และมีน้ำหนักมากที่สุดสำหรับเด็กจบใหม่ เพราะมันเป็นเหมือนใบเบิกทางว่าเราเคยมีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว ยิ่งถ้ามีใบรับรองด้วยก็จะยิ่งดี เพราะเราสามารถเอามาเป็นหลักฐานการันตีที่ส่งไปพร้อมกับ Resume, Cover Letter และ Portfolio ได้ แต่สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้คือ อย่าใส่ไปเฉย ๆ ว่าทำงานอะไรที่ไหน แต่เราต้องเล่าหน้าที่ความรับผิดชอบของเรา และต้องบอกให้ได้ด้วยว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งเหล่านี้

สุดท้ายสิ่งที่วัดใจได้น่าจะเป็นช่วงที่เริ่มนัดสัมภาษณ์ ความโดดเด่นและความแตกต่างต้องมาแล้ว ณ จุดๆนี้ สร้างสิ่งที่น่าจดจำนอกเหนือจากผลงาน คำพูดวิสัยทัศน์ในการตอบคำถามต่างๆ จะบ่งบอกถึงกระบวนการคิดของตัวเรา และมีผลต่อการได้ทำงานของเราด้วย เช่นกัน 

ที่มา: pantip , scb , jobthai

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related