ปกติแล้วเวลาเราไปซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด หรือแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้า พืชผักใบเขียวจะถูกวางเรียงรายอยู่เป็นตับให้เราเลือกสรร พร้อมกับคำเชื้อเชิญจากพนักงานขาย หรือแม่ค้าว่า “ผักสด...เร่เข้ามา ๆ” หากวัดกันเรื่องความสดใหม่ ดูเหมือนว่าสวีเดนจะก้าวล้ำไปอีกขั้นแล้ว
SweGreen สตาร์ทอัพสัญชาติสวีเดน ผายมือแนะนำให้โลกรู้จักกับวิธีการซื้อผักในรูปแบบใหม่ ไม่ต้องกลัวว่าผักจะไม่สดอีกต่อไป เพราะสตาร์ทอัพรายนี้ใช้วิธีปลูกผักแนวตั้ง ปลูกกันสด ๆ ในห้าง ด้วยวิธีปลูกผักแนวตั้งที่สตาร์ทอัพเลือกใช้คือไฮโดรโปนิกส์
ห้างสรรพสินค้าสามารถเลือกขนาดพื้นที่เพาะปลูกได้ ซึ่งขนาดมาตรฐานของฟาร์มแนวตั้งอยู่ที่45 ตารางเมตร ซึ่งมีกำลังการผลิต 300 ไร่ต่อวัน และสามารถลดขนาดพื้นที่เพาะปลูกลงให้เหลือ 12 ตารางเมตรและปลูกได้สูงสุด 116 ไร่ต่อวัน
สำหรับข้อกังวลเรื่องศัตรูพืชนั้นนับว่าหายห่วง เพราะว่าแปลงผักของ SweGreen ได้รับการควบคุมดูแลเป็นอย่างดี และปลอดภัยจากศัตรูพืช ด้วยเหตุฉะนี้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลง หรือสารกำจัดวัชพืช มีความหมายว่าผักเหล่านี้ปลอดสารพิษ สะอาด และสามารถปลูกกินได้ตลอดทั้งปี
เท่านั้นยังไม่พอ SweGreen ใช้ระบบน้ำหมุนเวียน ผลลัพธ์คือใช้น้ำน้อยกว่าการทำเกษตรแบบดั้งเดิม โดยมีการระบุว่า ปลูกผักกาดหอม 1 กิโลกรัม ใช้น้ำแค่ 1 ลิตรเท่านั้น ซึ่งใช้น้ำน้อยลงกว่าการปลูกผักกาดหอมปกติถึง 99% (ปกติใช้น้ำ 250 ลิตร)
ทางฟากของ เซเพอร์ มูซาวี หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมและหัวหน้า SweGreen เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังทดสอบการปลูกผลไม้ในห้าง โดยผลไม้ที่พิจารณาเป็นพิเศษคือสตรอว์เบอร์รี่
นอกจากนี้ SweGreen ยังมีการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการปลูกผักในห้างด้วย “เรามีเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์เป็นผู้ช่วย เพื่อให้พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตต้องรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะได้ผลผลิตตามที่ต้องการในแต่ละวัน” มูซาวีกล่าว
ปัจจุบัน แปลงผักของ SweGreen มีวางขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าของสวีเดน และเยอรมนี เว็บไซต์บริษัทเปิดเผยว่า การปลูกผักใบเขียวในท้องถิ่นจะช่วยลดการนำเข้าสินค้า นั่นหมายถึงมลพิษจากภาคจนส่งจะลดลง
อย่างไรก็ตาม มิใช่แค่ห้าง หรือซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้นที่มองหาโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่บรรดาร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัย เมื่อได้เห็นเทคโนโลยีการปลูกผักก็ตาลุกวาว และอยากจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ SweGreen เช่นกัน
นวัตกรรมทำนองนี้มิเพียงแค่ชวนให้ตาลุกวาวเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้ว จะเห็นว่าเป็นการทำเกษตรที่ยั่งยืนขึ้น ใช้น้ำน้อยลง ปล่อยมลพิษน้อยลง เป็นอีกครั้งที่โลกกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ที่มา: SweGreen
ข่าวที่เกี่ยวข้อง