SHORT CUT
สตาร์ทอัพนอร์เวย์เริ่มใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยฟาร์มกังหันลมลดความเสี่ยง ที่จะทำให้ ประชากรนก ตายเป็นจำนวนมาก จากฟาร์มกังหันลม , เพราะที่ผ่านมา นกอาจจะเสียชีวิตจำนวนมากจากการบินชนใบพัด
แม้การผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม จะเป็นแหล่งพลังงานทดแทนที่ได้รับความนิยมทั่วโลก แต่ฟาร์มกังหันลมก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับประชากรนกได้ สตาร์ทอัพนอร์เวย์เริ่มใช้ AI เพื่อช่วยฟาร์มกังหันลมลดความเสี่ยงดังกล่าว
Ask Helseth ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Spoor กล่าวว่า บริษัทใช้ซอฟต์แวร์ที่ ตรวจจับนกในวิดีโอ พร้อมทั้งบันทึกการเคลื่อนไหวและทำนายรูปแบบการบินของพวกมันด้วย หลังพบว่า กฎระเบียบของรัฐบาลในหลายประเทศกำหนดให้ฟาร์มกังหันลมต้องติดตามและติดตามผลกระทบที่มีต่อนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการปกป้องรักษาชีวิตนก ไม่ให้ต้องมาโดนผลกระทบจาก ฟาร์มกังหันลม
“ความคาดหวังจากหน่วยงานกำกับดูแลกำลังเพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมไม่มีเครื่องมือที่ได้ผล” Helseth กล่าว โดยระบุว่า ในยุคก่อนที่คอมพิวเตอร์เปิดใช้งาน AI นั้น การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นเรื่องยาก
ระบบตรวจสอบไซต์อย่างต่อเนื่องของ Spoor มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ฟาร์มกังหันลมสามารถใช้ข้อมูลเพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการอพยพของนกได้ดีขึ้น และอาจทำให้กังหันลมช้าลงหรือหยุดทำงานเมื่อคาดว่าจะมีนกบินผ่านพื้นที่อันตรายเพิ่มขึ้น บริษัทต่างๆ ยังสามารถใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการก่อสร้างฟาร์มกังหันลม และประเมินความเสี่ยงต่อประชากรนกในท้องถิ่น
“ฟาร์มกังหันลมมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หลายร้อยตารางกิโลเมตร และการพยายามใช้คอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบอากาศโดยทั่วไปถือเป็นความท้าทายทางเทคโนโลยี เราจำเป็นต้องสร้างเทคโนโลยีที่สามารถปรับขนาดได้ ซึ่งสามารถตรวจจับนกได้”
Spoor ตั้งอยู่ในออสโล นอร์เวย์ เพิ่งระดมทุน 4 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุน รวมถึง Futurum Ventures, Nysnø และ VC Superorganism ที่เน้นความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ ยังรวมถึง Ørsted Ventures ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ Ørsted หนึ่งในบริษัทฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การเริ่มต้นธุรกิจในนอร์เวย์ถือเป็นปัจจัยที่เป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าของบริษัท เนื่องจากนอร์เวย์มีโครงการฟาร์มกังหันลมจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยุโรปยังมีการนำพลังงานลมมาใช้มากขึ้นเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา แต่บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะเป็นตลาดใหญ่ในอนาคต
รัฐบาลสหรัฐฯ มีเป้าหมายเชิงรุกในการเพิ่มกำลังการผลิตลมนอกชายฝั่งให้ได้ 30 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทต่างๆ เช่น Spoor บริษัทใดๆ ที่ต้องการจัดตั้งฟาร์มกังหันลมในสหรัฐอเมริกาจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์จาก U.S. Fish and Wildlife Service ซึ่งตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟาร์มกังหันลมของบริษัทนั้นไม่ละเมิดกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หรือพระราชบัญญัติสนธิสัญญานกอพยพ หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกามีความเข้มงวดเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิธีที่กังหันลมส่งผลกระทบต่อประชากรนก ทั้งนกพื้นเมืองและนกอพยพ
ทั้งนี้ Spoor ไม่ใช่บริษัทเดียว ที่ใช้ AI ในการแก้ปัญหาผลกระทบจากกังหันลมผลิตไฟฟ้า IdentiFlight ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ต้องการใช้ AI เพื่อแก้ไขปัญหานี้เช่นกัน นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตพลังงานทดแทนอีกด้วย
ที่มา : TechCrunch
ข่าวที่เกี่ยวข้อง