ใครจะไปเที่ยว "ภูเขาไฟฟูจิ" อาจต้องเช็กค่าเข้าให้ดี ๆ เพราะล่าสุด มีการรายงานว่า ทางรัฐบาลจังหวัดยามานาชิ เตรียมเก็บค่า add on บวกเพิ่มเข้าไปกับราคาเข้า เพราะต้องการนำเงินส่วนนี้ไปดูแลรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังที่ผ่านมาเจอกับปัญหาขยะเกลื่อน
ช่วงหลายปีมานี้ ภูเขาไฟฟูจิมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่หนึ่งเป็นเรื่องดี แต่อีกเหลี่ยมมุมหนึ่ง เราอาจมองได้ว่า เมื่อพื้นที่ธรรมชาติถูกมนุษย์ซึ่งหอบพฤติกรรมเข้าไปด้วย จนก่อให้เกิดปัญหาตามมาเป็นพรวน กระทั่งมีการประกาศว่า “ภูเขาไฟฟูจิ” กำลังเผชิญกับ “ภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง” หรือ “Over Tourism”
สำหรับ “ภูเขาไฟฟูจิ” ตั้งอยู่ก้ำกึ่งระหว่างจังหวัดชิซูโอกะและยามานาชิ มีความสูงประมาณ 3776 เมตร คิดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่เป็นไอคอนิกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภูเขาไฟฟูจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี พ.ศ. 2556 โดยองค์กร UNESCO
บรรยากาศ ธรรมชาติ และทิวทัศน์ซึ่งสง่างามต่อสายขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่ในปี 2023 ที่ผ่านมา ภูเขาไฟฟูจิมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประมาณ 221,322 คน
แต่ก็นะ เมื่อมากคนก็มากความ มีปัญหาในแง่ลบมากมายที่ธรรมชาติระแวกนั้นต้องรับไปหลังจากที่มี ทะเลมนุษย์หลั่งไหลเข้าไปที่ฟูจิจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น เกิดขยะกว่า 84,150 กิโลกรัม/ปี เกิดอุบัติเหตุ และนักท่องเที่ยวต้องเบียดเสียดกัน
ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น (ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม) นักท่องเที่ยวต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าธรรมเนียมดูแลสิ่งแวดล้อมเพิ่ม หากต้องการเดินป่าแม้เส้นทางใดทางหนึ่งเพื่อขึ้นไปยังภูเขาไฟฟูจิ
Euro News ระบุว่า เส้นทางโยชิดะ (Yoshida Trail) คือเส้นทางที่ยอดนิยมที่สุด เนื่องจากมีทางเชื่อมจากเมืองเกียวโต (Kyoto) อีกทั้งระหว่างเส้นทางนี้ ยังมีที่พักและอาหารให้บริการอยู่ตลอดเส้นทาง (เพราะมันสบายนี่เอง)
หน่วยงานที่ผลักดันเรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมครั้งนี้คือ รัฐบาลจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยของภูเขาไฟฟูจิ โดยเห็นว่าจำเป็นต้องเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิ่งแวดล้อมจะติดตั้งอยู่ที่ประตูทางเข้าเส้นทางโยชิดะ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เงินที่ได้มานั้น จะนำมาสร้างพื้นที่พักพิงตามเส้นทางต่าง ๆ ให้เป็นมั่นเป็นเหมาะ และอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติระแวกนั้นให้สมบูรณ์ไปเรื่อย ๆ
ที่มา: Euro News
ข่าวที่เกี่ยวข้อง