svasdssvasds

ดาบวิชัย ผู้ใช้เวลากว่า 30 ปี ปลูกต้นไม้ 2 ล้านต้น คืนชีวิตให้พื้นที่แห้งแล้ง

ดาบวิชัย ผู้ใช้เวลากว่า 30 ปี ปลูกต้นไม้ 2 ล้านต้น คืนชีวิตให้พื้นที่แห้งแล้ง

ร.ต.ต.วิชัย หรือ ดาบวิชัย ใช้เวลากว่า 30 ปี ในการปลูกต้นไม้ กระจายอยู่ตาม 10 ตำบล ทั่ว อ.ปรางค์กู่ จากกล้าไม้ กลายเป็นต้นไม้เขียวใหญ่กว่า 2 ล้านต้น เราได้เรียนรู้อะไรจากชีวิต และสิ่งที่เขาทำ?

“ผมว่าโลกของวัตถุเป็นสิ่งสมมติทั้งนั้นแหละครับ ความสุขที่แท้จริงคืออยู่กับธรรมชาติ รู้จักเคารพธรรมชาติ ต้นไม้นี่ผมจะต้องปลูก ปลูกไปเรื่อย ๆ ปลูกจนกว่าจะตาย” ดาบวิชัย

ก่อนอื่นขอเกริ่นคำถามเล็ก ๆ ไว้ตรงนี้ก่อน คุณคิดว่าการปลูกต้นไม้สักต้นมันยากไหม?

แล้วถ้าปลูกต้นไม้ 10 ต้นล่ะ?

แล้วถ้าปลูกต้นไม้ 10,000 ต้นล่ะ?

แล้วถ้าปลูกต้นไม้ 2 ล้านต้นล่ะ พอจะเป็นไปได้ไหม?

ในปี 2531 มีตำรวจนายหนึ่ง เมื่อเลิกงานตำรวจแล้ว ทุกเย็นเขาจะขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปพร้อมกับเมล็ดพันธุ์ของพืช ปุ๋ย และจอบเสียมห้อยไว้ท้ายเบาะ มุ่งหน้าไปปลูกต้นไม้ ที่บริเวณ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ

ชีวิตวนลูปอยู่แบบนั้นเรื่อยมา ตั้งแต่ปี 2531 จากเมล็ดพันธุ์ ก็กลายเป็นต้นกล้า จากต้นกล้าก็กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน ที่อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ มีจำนวนต้นไม้เพิ่มขึ้นจากปี 2531 มากกว่า 2 ล้านต้น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือสิ่งธรรมดาที่ “ดาบวิชัย” ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี

ดาบวิชัย ณ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก  

ทว่านาฬิกาไม่เคยหยุดเดิน อายุของเราก็ไหลไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เมื่อไม่นานมานี้ เฟสบุ๊ก “ดาบวิชัย คนบ้าปลูก” ได้ออกมาแจ้งข่าวให้ทุกคนได้ทราบกันถ้วนทั่วว่า ดาบวิชัย ได้จากไปอย่างสงบในวัย 77 ปี ผู้คนต่างหลั่งไหลกันเข้าไปแสดงความอาลัยต่อ “คนบ้าปลูกต้นไม้” ท่านนี้

พระไพศาล วิสาโล ประธานกรรมการมูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ (มตธ.) ได้กล่าวรำลึกถึง ดาววิชัยไว้ว่า “หวังว่าท่านจากไปอย่างสงบ และไปสู่สุขคติ สวรรค์ชั้นฟ้าที่ท่านสถิตเชื่อว่าจะมีต้นไม้อุดมร่มรื่น”

Spring News ถือโอกาสพาผู้อ่านทุกท่านร่วมสำรวจเมล็ดพันธุ์ที่ “ดาบวิชัย คนบ้าปลูกต้นไม้” ท่านนี้ ได้หว่านเอาไว้ จนเกิดเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาแก่ผู้คนและโลกใบนี้ พร้อมทั้งเป็นต้นแบบแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลัง

เมล็ดพันธุ์ที่ 1: วัยเยาว์

จุดเริ่มต้นของดาบวิชัย ต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 2489 ที่ จ.ศรีสะเกษ ดาบวิชัยเป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวนทั้งหมด 6 คน ฐานะทางบ้านเรียกได้ว่า ยากจน บิดามารดาต้องประกอบอาชีพชาวนาเพื่อประทังชีวิต ทว่าไม่พอยาไส้ เม็ดเงินจากการเป็นชาวนาในยุคสมัยนั้นไม่พอเลี้ยงปากท้องของ 8 ชีวิต

เมื่อโตเป็นหนุ่มขึ้นมา ดาบวิชัยจึงต้องไปทำงานรับจ้างอาทิ กรรมกร ทำอยู่อย่างนั้น เพื่อพอจะเก็บเงินไปศึกษาต่อได้ ดาบวิชัย ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย

ชีวิตของดาบวิชัยก็เวียนอยู่กับ การเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย จนสามารถสอบเข้าโรงเรียนพลตำรวจได้ที่ จ.นครราชสีมา จากนั้นในปี 2513 ดาบวิชัย ได้ย้ายมาประจำการอยู่ที่สถานีตำรวจ อ.ปรางค์กู่ จ. ศรีสะเกษ หลังจากนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “คนบ้าปลูกต้นไม้

เมล็ดพันธุ์ที่ 2: เริ่มต้นการปลูกต้นไม้

โครงการแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองในปี 2531 คือจุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจของดาบวิชัยในการปลูกพรรณไม้เขียวขจี หากใครอาศัยอยู่บริเวณ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ อาจจะเคยพบเคยเห็นชายคนหนึ่ง ที่มือมักถือจอบเสียม หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน หันซ้ายหันขวา อยู่แถว ๆ ถนนสายหลักที่จะมุ่งตรงเข้าสู่ตัวอำเภอ นี่คือภาพจำของ “ดาบวิชัย” ที่คนในพื้นที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี

ดาบวิชัย Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก

มีเรื่องเล่าว่าหลังจากเลิกงานตำรวจแล้ว ดาบวิชัย ก็จะแบกถุงใส่เมล็ดพืชนานาชนิดอาทิ เมล็ดตาล ขี้เหล็ก สะเดา คูณ ปุ๋ย พร้อมกับจอบเสียมอีกจำนวนหนึ่งเอาไว้ท้ายรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ

ดาบวิชัยเล่าถึงแผนการปลูกต้นไม้ไว้ว่า เขาคิดถึงประโยชน์ที่คนรากหญ้าจะได้รับเป็นอันดับแรก หากเขาลงมือปลูกต้นไม้ พื้นที่ อ.ปรางค์กู่ในยุค พ.ศ. 2531 ยังไม่มีความเจริญคืบคลานเข้ามาเท่าไร ดาบวิชัยจึงเลือกปลูกต้นไม้ที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นบ้านเรือนได้อาทิ ต้นยางนา

ต้นยางนา Cr. Wikipedia

จากนั้นก็ลามไปต้นตาล ต้นโคน และก็มีต้นไม้อื่น ๆ เพิ่มเติมตามกันออกมา ตามเห็นสมควร แม้ในช่วงแรก ดาบวิชัยจะเป็นคนเดียวที่ปลูกต้นไม้ แต่ดาบวิชัยก็เรียนว่า นายอำเภอของ อ.ปรางค์กู่ ณ ขณะนั้น ให้การสนับสนุนดาบวิชัยเป็นอย่างดี ในการเดินหน้าปลูกต้นไม้อย่างมีแบบแผน

ต้นไม้ริมสองข้างทาง Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก

ฉะนั้น มิใช่ว่าดาบวิชัยก้มหน้ากมต้า ปลูกต้นไม้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ศึกษาผลกระทบหน้าหลัง ทว่ามีการวางระเบียบแบบแผน คิดถึงประโยชน์ในระยะยาวของประชาชน หมู่บ้าน และสิ่งแวดล้อม

“เราจะเริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกก็คือวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2531”

 

เมล็ดพันธุ์ที่ 3: เวลาไม่สูญเปล่า

เคยมีคำกล่าวจากหนูน้อยคนหนึ่ง ที่ใช้นามปากกาว่า “สายลม” เมื่อปี 2564 มีข้อความที่สวยงาม ที่พอจะอธิบายความต่อเนื่องในการปลูกต้นไม้ของดาบวิชัยได้เป็นอย่างดีคือ

“ดอกไม้ไม่บอกว่าจะบานตอนไหน เราต้องรอ” สายลม, 2564

จากเมล็ดพันธุ์ที่ดาบวิชัยขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปหว่านเมล็ดทั่วอาณาบริเวณ ณ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ จากนั้นต้นกล้า ผ่านเวลามา 30 กว่าปี ก็เติบโตงอกงาม เขียวขจี สวยงามระรานตาอยู่สองข้างถนน

ต้นไม้ริมสองข้างทาง Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก

นอกเหนือจากความงามภายนอกแล้ว ดาบวิชัยได้เปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้ง ให้ระบบนิเวศบริเวณดังกล่าวให้มีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีสัตว์นานาชนิด ได้มาอาศัยอยู่ พืชเล็กพืชน้อยเติบโตใกล้เคียงกับต้นไม้ใหญ่

จากพื้นที่แห้งแล้งใน อ.ปรางค์กู่ ผ่านมา 30 ปี สองข้างถนนก็เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผลิใบเขียวขจี ตลอดรายทางกินพื้นที่กว่า 10 ตำบล ต้นตาลที่ดาบเอาวิชัยปลูกเอาไว้ ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน ด้วยการเก็บลูกตาลนำไปทำขนมขาย หรือ กาบตาล ที่ชาวบ้านเก็บนำไปทำเป็นไม้กวาดได้

ไม้กวาดทางมะพร้าว Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก  

หนึ่งสิ่งที่เราพอจะเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้ก็คือ เราให้คุณค่ากับสิ่งที่ทำแค่ไหน ดาบวิชัยเฝ้ารอเวลากว่า 30 ปี ในการเฝ้าดูเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เติบโต และคอยเพิ่มพูนต้นไม้ใบเขียวอยู่เรื่อย ๆ ในระหว่างนั้น แถมใครจะคิดว่า เมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ น้อย ๆ จะสามารถเป็นแหล่งสายรายได้ให้กับชาวบ้านได้ในอนาคต

 

เมล็ดพันธุ์ที่ 4: คนบ้าปลูกต้นไม้ รุ่นถัดไป

โลกนี้ไม่ต้องการดาบวิชัยแค่คนเดียว ดาบวิชัยก็ไม่อยากให้มีแค่เขาคนเดียวที่ทำ ช่วงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ดาบวิชัยและครอบครัว พร้อมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุน ในการปลูกต้นไม้ สร้างพื้นที่สีเขียวให้กับพื้นที่แห้งแล้ง

นอกจากนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ช่วยกันรักษ์สิ่งแวดล้อมในระแวกนั้นการมากขึ้น ช่วยดูแลถอนหญ้ารก ดูแลความสะอาด จัดการต้นไม้วัชพืช เรื่อยไปจนถึงการสานต่อสิ่งที่ดาบวิชัยทำมาอาทิ การจัดงานสัมมนาให้ความรู้ เปิดพื้นที่ให้คนภายนอกได้เข้ามาร่วมสำรวจแผนและวิธีการปลูกต้นไม้ในพื้นที่แห้งแล้ง

กิจกรรมปลูกต้นไม้ Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก

คนเข้าร่วมการปลูกต้นไม้ Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก

เด็กร่วมปลูกต้นไม้ Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก

จึงเป็นเหตุผลว่า ในปัจจุบันนี้มีคนบ้าปลูกต้นไม้อีกหลายชีวิตเกินนิ้วมือจะนับไหว เพื่อร่วมสานต่อเจนตนารมย์ ที่ดาบวิชัยได้ส่งต่อมายังคนรุ่นหลัง ๆ ให้หันมาสนใจธรรมชาติ ต้นไม้ใบเขียว ระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตัวเองกันมากขึ้น

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ต้นไม้ก็ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง มันเป็นของเราทุกคน และผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งว่า ดาบวิชัยก็ไม่คิดว่าต้นไม้เป็นของเขา

ดาบวิชัย Cr. ดาบวิชัย คนบ้าปลูก

แม้เรื่องราวของดาบวิชัยในสายตาของผู้อ่านบางท่านอาจเป็นเรื่องยากเกินไป แต่เราขอยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่อย่างใด ขอแค่มีเมล็ดพันธุ์ น้ำ จอบ เสียม และแรงกายอีกเล็กน้อย โลกก็จะมีต้นไม้ใบเขียวงอกเงยขึ้นแล้ว หรือวิธีอื่น ๆ ที่เราพอจะช่วยโลกใบนี้ให้มีสุขภาพที่ดีต่อไปได้ วิธีใดก็ได้ทั้งนั้น

แต่หนึ่งบทเรียนที่เราพอจะจับได้จากดาบวิชัยคือ ก่อนจะทำการใด ๆ ควรวางแผนให้รอบครอบ คิดถึงผลกระทบ และความเป็นไปได้ให้ละเอียดและถี่ถ้วน เพราะจะไม่มีประโยชน์เลย หากต้นไม้ที่คุณปลูก จะเติบโตไปทำลายถนนรอบบ้าน หรือสร้างปัญหาเพิ่มเติมแก่สังคม

ไม่แน่ใจเช่นกันว่าเรื่องราวของดาบวิชัย คนบ้าปลูกต้นไม้ จะสามารถให้แรงบันดาลใจกับผู้อ่านได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากผู้อ่านรู้สึกว่า สนใจในต้นไม้ใบเขียวมากขึ้น เรียนรู้ที่จะอนุรักษ์โลกใบนี้เอาไว้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตามวิถีทางที่ทุกคนสะดวก และพอจะทำได้ เท่านี้บทความชิ้นนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

 

ที่มา: ดาบวิชัย คนบ้าปลูก

        iGreen

เนื้อหาที่น่าสนใจ

related