สหภาพยุโรปลงมติแล้วว่า เตรียมแบนการส่งออกขยะพลาสติกไปยังประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา หรือ OECD ตุรกีรั้งอันดับ 1 ประเทศปลายทางของขยะจาก EU ลั่น ผิดหวัง! อยากให้แบนขยะทุกประเภท
EU เตรียมหยุดส่งออกขยะพลาสติกไปยังประเทศ non-OECD หลังบรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว ภายใต้ ข้อตกลงดังกล่าว ประเทศในสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศจะไม่สามารถส่งออกขยะพลาสติก ไปยังประเทศที่อยู่นอกองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา หรือ the Organization Economic Cooperation and Development (OECD) ได้อีกต่อไป
เราเรียกกลุ่มประเทศเหล่านี้ว่า non-OECD เป็นกลุ่มประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนาอาทิ
สามารถดูรายชื่อประเทศที่เป็น non-OECD ได้ที่นี่
ทว่ากฎดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากคณะมนตรีของสหภาพยุโรปเสียก่อน
ย้อนกลับไปในวันที่ 13 – 19 พฤศจิกายน 2566 ทางสหประชาชาติ (UN) ได้จัดการประชุมขึ้นท ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เพื่อหารือเรื่องสนธิสัญญาระหว่างประเทศในวาระการแก้ไขปัญหาพลาสติก
ผลสรุปจากกระประชุมดังกล่าวสามารถขมวดได้ว่า มิให้ประเทศในสหภาพยุโรป ส่งออกขยะพลาสติก (Plastic Waste) ไปยังประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วม OECD อีก เพื่อจัดการปัญหาขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้นในบางประเทศ จนก่อให้เกิดผลกระทบในแง่ลบเป็นวงกว้าง
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า เมื่อผ่านไป 5 ปี ประเทศ non-OECD ที่ต้องการนำเข้าขยะพลาสติกจากสหภาพยุโรป สามารถส่งคำร้องมาที่กรรมมาธิการ เพื่อให้ยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวได้ หากสามารถชี้แจงแนวทางได้ว่าจะจัดการขยะพลาสติกให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร
คำถามที่ตามมาพร้อมกันย่อมเป็นคำถามนี้เป็นแน่ แม้ประเทศ non-OECD จะปลอดภัยจากขยะพลาสติกที่นำเข้าจากสหภาพยุโรปแล้ว หลายคนเกิดความสงสัยว่า แบบประเทศในสหภาพยุโรป จะส่งขยะไปยังประเทศที่อยู่ใน OECD แทนหรือเปล่า
การกระทำเช่นนี้อาจไม่ง่ายเหมือนเคยแล้ว เพราะหลังจากนี้ ขยะที่จะถูกส่งไปยัง38 ประเทศสมาชิก OECD ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ในแต่ละขั้นตอนต้องได้รับการชี้แจงโดยละเอียด ว่าสายพานของขยะนี้ตั้งแต่ประเทศต้นทางไปยังประเทศเป้าหมาย (Destination) ความเป็นไปของขยะพลาสติกจะเป็นไปอย่างไร
คณะกรรมาธิการยุโรปเน้นย้ำในเรื่องนี้ว่า ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวในกรุง ไนโรบี เห็นพ้องต้องกันว่า จะจัดตั้งกลุ่มหรือคณะประสานงานการดำเนินการของประเทศในสมาชิก เพื่อให้แน่ใจว่า จะมีการถ่วงดุล และตรวจสอบการขนส่งขยะอย่างผิดกฎหมาย
เราพูดถึงกันเรื่องขยะพลาสติกเรื่องเดียวเท่านั้น กล่าวคือ ขยะประเภทอื่น ๆ ยังสามารถส่งไปยังประเทศ non-OECD ได้เหมือนเดิม แต่ยังต้องปฏิบัติตามหลักของกฎเกณฑ์และกฎหมายด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของแต่ละประเทศปลายทาง
ข้อมูลในปี 2021 จาก European Commission สรุป 10 ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของขยะพลาสติกจากประเทศในสหภาพยุโรป ตุรกีรั้งอันดับ 1 ด้วยจำนวนนำเข้าขยะพลาสติก 14.7 ล้านตัน
จากข้อมูลข้างต้น หากจะเรียกว่าตุรกีเป็นถังขยะให้ชาวสหภาพยุโรปคงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด ด้วยสัดส่วนที่ทิ้งห่างจากอันดับ 2 อย่างอินเดียถึง 7 เท่า
นักวิจัยไมโครพลาสติก จากมหาวิทยาลัยชูกูโรวา (Çukurova) ประเทศตุรกี กล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ EU เป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่น่าผิดหวังที่ยังไม่ออกกฎห้ามส่งออกขยะทุกประเภทมายังตุรกี ผู้เป็นถังขยะรายใหญ่ของโลก
อย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้นว่า ประเทศไทยเป็น non-OECD และประเทศไทยต้องกุมขมับกับปัญหาเรื่องการนำเข้าขยะพลาสติกมาเป็นระยะเวลายาวนาน
เนื่องจากไม่มีระบบการคัดแยกขยะที่เป็นมาตรฐาน ทำให้ขยะที่ถูกนำเข้ามาก็ไปกองรวมกันเป็นกองภูเขาขยะไซส์ยักษ์แบบที่เราเห็นกัน
ย้อนกลับไปในวันที่ 21 ก.พ. 66 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบนโยบายการกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ และลดราคาค่างวดของเศษพลาสติกในประเทศ
โดยรายละเอียดทิศทางการนำเข้าขยะพลาสติกของประเทศไทยมีดังนี้
ฉะนั้น ความเคลื่อนไหวนี้ของ EU ผนวกกับมติครม.ที่ออกเมื่อช่วงต้นปี อาจอาจช่วยเราจัดการกับขยะได้เป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น
ที่มา: The Guardian
Reuters
เนื้อหาที่น่าสนใจ