SHORT CUT
จีนมีนโยบายสนับสนุน EV ที่เข้มข้นมาหลายปี ประกอบด้วยเงินอุดหนุน การลดหย่อนภาษี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับการยอมรับ EV
กลยุทธ์แบบครบวงจรนี้ช่วยให้บริษัทจีน สามารถลดต้นทุน ควบคุมคุณภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีได้รวดเร็ว สนับสนุนให้ CATL และ BYD ครองส่วนแบ่งในตลาดแบตเตอรี่มากกว่า 46% ของโลก
ต้นทุนกว่า 40% ของรถ EV มาจากแบตเตอรี่ ซึ่งบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 1 ของโลก และ BYD ผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 3 ของโลก สองบริษัทนี้ล้วนเป็นบริษัทจีน
ปัจจุบันจีนครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วยยอดขายมากกว่าครึ่งของยอดขาย EV ทั่วทั้งโลก บทความนี้จะวิเคราะห์กลยุทธ์ 5 ประการที่ทำให้จีนประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้
ในยุคที่โลกมุ่งสู่พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่ทั่วโลกจับตามอง ปัจจุบันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในปี 2021 จีนขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้มากกว่า 3.4 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมยานยนต์มีทั้งญี่ปุ่น, ยุโรป สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ผลิตรายใหญ่และครองตลาดมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
"จีน" ได้เห็นโอกาสทองที่จะเข้ามาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในด้านรถยนต์ไฟฟ้า ชวนมาทำความเข้าใจ 5 กลยุทธ์ที่ทำให้จีนครองแชมป์ตลาด EV ทั่วโลก ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าจีนทำอะไรมาบ้างในอดีต
1.การสนับสนุนที่เข้มข้นจากจากภาครัฐ รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มายาวนานหลายปี ไม่ว่าจะเป็นนโยบายต่างๆ เช่น เงินอุดหนุน, การลดหย่อนภาษี, การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
ย้อนกลับไปช่วง 20 ปีก่อน จีนเริ่มตระหนักถึงปัญหามลพิษทางอากาศและการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล รัฐบาลจีนจึงริเริ่มนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นครั้งแรก โดยเน้นมุ่งเป้าไปที่การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การผลิต และการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ในปี 2009 รัฐบาลท้องถิ่นได้เริ่มทำสัญญากับบริษัทจีนให้เปลี่ยนรถโดยสารสาธารณะและรถแท็กซี่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น BYD ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัท EV รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับสัญญาให้เปลี่ยนรถโดยสารทั้ง 16,000 คันของเมืองเซินเจิ้นให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า
รัฐบาลได้เสนอเงินอุดหนุนมากมายให้กับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ส่วนลดค่าชาร์จ, สิทธิพิเศษในการจอดรถ
แม้ว่ารัฐบาลกลางของจีนจะยุติการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้บริโภคในปี 2022 แต่ความต้องการก็ถูกสร้างขึ้นแล้ว และในปีนี้ ยอดขายรถยนต์ใหม่กว่าครึ่งในจีนเป็น "รถยนต์ไฟฟ้า"
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับเงินอุดหนุนทุกครั้งที่ขาย นอกจากนี้ยังได้รับสัญญาเช่าที่ดินราคาถูกจากรัฐบาล สินเชื่อราคาถูกจากธนาคารของรัฐ และการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา
ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา จีนทุ่มเงินลงทุนมหาศาลไปแล้วกว่า 534,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ว่าจะเป็น การขุดเหมืองแร่, พัฒนาแบตเตอรี่, เงินอุดหนุนกระตุ้นผู้บริโภคและผู้ผลิต, สร้างสถานีชาร์จ
2.การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง จีนเข้าควบคุมห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่ EV ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุน คุณภาพ และนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV รายใหญ่ที่สุดของจีน ควบคุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ตั้งแต่การขุดแร่ลิเธียม การแปรรูป การผลิตเซลล์แบตเตอรี่ ไปจนถึงการรีไซเคิล กลยุทธ์แบบครบวงจรนี้ช่วยให้ CATL ลดต้นทุน, ควบคุมคุณภาพ และยังพัฒนาได้รวดเร็วที่สุดในโลก
ตลาดแบตเตอรี่ EV ในปัจจุบัน CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่จากจีน ครองส่วนแบ่งการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ CATL มีส่วนแบ่งการตลาดแบตเตอรี่ EV สูงถึง 34.8%
ลูกค้าของ CATL ประกอบไปด้วยผู้เล่นในตลาดยานยนต์รายใหญ่ของโลก มากมาย เช่น Tesla, BMW, Volkswagen, Volvo,Toyota และ Honda
จีนได้กำหนดให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติ ต้องใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในจีนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายในจีน เพื่อให้มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนสำหรับผู้บริโภค
ในปัจจุบันเรียกได้ว่าต้นทุนของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คิดเป็นต้นทุนกว่า 40% คือ "แบตเตอรี่" นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไม EV จีนถึงราคาถูกและตีตลาดได้เร็วที่สุดในโลก
3.มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีแบตเตอรี่ บริษัทจีนเป็นผู้นำในการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ซึ่งปัจจุบันจีนสามารถทำได้รวดเร็วที่สุดและราคาถูกกว่าทั่วโลก
ปัจจุบันจีนมีกำลังผลิตแร่ลิเธียมมากกว่า 46% จากเหมืองแร่ทั่วโลก และเท่านั้นยังไม่พอจีนยังถือสัมปทานรายใหญ่ของแร่โคบอลต์กว่า 70% ของโลก เรียกได้ว่าจีนได้เปรียบกว่าทั่วโลกแล้วในเรื่องวัตถุดิบสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ EV นั่นเอง
จีนครองตลาดแบตเตอรี่ EV อย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยกำลังการผลิตมหาศาล 558,000,000 kWh เทียบกับสหรัฐอเมริกา อันดับ 2 ผลิตแบตเตอรี่ EV ได้เพียง 44,000,000 kWh น้อยกว่าจีนถึง 10 เท่า
ด้วยศักยภาพการผลิตมหาศาลนี้ จีนสามารถรองรับการผลิตรถ EV ได้ถึง 9.3 ล้านคันต่อปีขณะที่สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาการนำเข้าแบตเตอรี่จากจีน
4.สร้างตลาดภายในประเทศขนาดใหญ่ จีนมีตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ประกอบกับการสนับสนุนจากรัฐบาลช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวจีนหันมาใช้รถ EV
BYD บริษัทจีนที่ผันตัวจากผู้ผลิตแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ BYD กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ EV รายใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทมียอดขาย EV มากกว่า 1 ล้านคันในปี 2022
5. มุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนา จีนลงทุนอย่างหนักในการพัฒนา R&D สำหรับเทคโนโลยี EV ซึ่งช่วยให้บริษัทจีนสามารถพัฒนารถยนต์ EV ที่มีประสิทธิภาพ ราคาไม่แพง และน่าสนใจ
NIO บริษัทจีนที่มุ่งเน้นไปที่ตลาด EV ระดับพรีเมียม ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบที่ล้ำสมัย และเทคโนโลยี ซึ่งได้พัฒนาระบบสลับแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ EV ไม่ต้องรอชาร์จนาน
กลยุทธ์เหล่านี้ส่งผลให้จีนกลายเป็นผู้นำตลาดรถ EV ทั่วโลก บริษัทจีนครองส่วนแบ่งตลาดแบตเตอรี่ EV และผู้ผลิตรถยนต์ EV รายใหญ่หลายรายก็มาจากจีน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายบางประการที่จีนต้องเผชิญ เช่น ต่างประเทศเห็นว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามีการพึ่งพาจีนที่มากเกินไป, ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับประเทศอื่นๆ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆทั่วโลก
สรุปสั้นๆง่ายๆ เหตุผลที่จีนประสบความสำเร็จในตลาดรถ EV และเป็นเบอร์หนึ่งของโลก เพราะต้นทุนกว่า 40% ของรถยนต์ไฟฟ้ามาจาก "แบตเตอรี่" และสองยักษ์ใหญ่อย่าง CATL ที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก และ BYD ที่เป็นอันดับ 3 ของโลก ทำให้ไม่แปลกที่จีนจะสามารถครองแชมป์ในตลาด EV ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ที่มา : IEA , CSIS, Brooking EDU, Asia Nikkei, Visualcapitalist, Daxueconsulting,The Guardian, Mckinsey