กลุ่มเหมืองแร่ลิเทียมเริ่มปรับลดต้นทุนและลดแผนขยายการผลิตแล้ว หลังอุปสงค์รถ EV ในจีน ชะลอตัวลง ส่งผลให้ราคาลิเทียมในตลาดลดฮวบ
แรงได้ไม่ทันไร เครื่องก็ฝืดเสียแล้ว! สื่อหลายสำนักรายงานว่า พลังงานสีเขียวแห่งอนาคตอย่าง “ลิเทียม” ส่อแววชะลอตัว หลังราคาร่วงลงสู่ระดับ 13,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นสัดส่วน 80%
บริษัท Benchmark Mineral Intelligence ระบุว่า นี่เป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 หลังจากที่ทั่วโลกผลิตกันออกมาล้นตลาด
Financial Times วิเคราะห์สถานการณ์ตลาด EV ไว้ว่า สถานการณ์ราคาลิเทียมชะลอ ส่งผลกระทบโดยตรงให้บรรดาแหล่งขุดลิเทียมทั่วโลกต้องชะลอการผลิตลง
อย่างที่ทราบ เหมืองแร่ลิเทียมส่วนใหญ่อยู่ในประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้ผลิตลิเทียมคิดเป็นสัดส่วน 40% ของโลก ขณะที่อุปสงค์รถ EV ที่ปรับตัวลดลงทำให้ปริมาณลิเทียมล้นคลังสินค้าทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน
แม้ราคาลิเทียมไม่ได้ทรุดตัวต่ำเช่นที่เคยเกิดขึ้นในปี 2562-63 โดยเวลานั้นราคาลิเทียมลดลงแตะที่ประมาณ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่ก็ทำให้ผู้ผลิตจำนวนมากยากที่จะทำกำไรได้
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ในปี 2024 จะมีลิเทียมคาร์บอเนตส่วนเกินอยู่ที่ 200,000 ตัน หรือประมาณ 17% ของอุปสงค์โลก กล่าวคืออุตสาหกรรมแร่ลิเทียมจำเป็นต้องลดปริมาณอุปทานลงอย่างมากเพื่อให้ตลาดลิเทียมเกิดความสมดุล
หลายฝ่ายมุ่งเป้าไปที่เหมืองขุดแร่ลิเทียมประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแหล่งขุดลิเทียมรายใหญ่ของโลก (40%) ดังนั้น ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดเซ่นราคาลิเทียมดิ่งหนัก
พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ทางด้านบริษัทพิลบารา มิเนอรัลส์ (Pilbara Minerals) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมลิเทียมของออสเตรเลีย มีมูลค่าตลาด 1 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ได้ออกมาประกาศว่า ทางบริษัทจะไม่จ่ายเงินปันผลประจำปี เหตุรายได้ลดลง 46% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 อันเป็นผลมาจากราคาลิเทียมผันผวน
ทั้งนี้ มองไปที่ต้นธารการผลิตรถ EV อย่างจีน ข้อมูลเผยว่า ในปี 2023 ยอดขายรถ EV เพิ่มขึ้นเพียง 25% จากเดิมที่ในปี 2022 ยอดขายรถ EV เพิ่มขึ้น 84% (5.4 ล้านคัน)
คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้หลายประเทศจะมีการขุดพบแร่ลิเทียมอยู่เป็นระยะ ๆ แต่เมื่อผู้นำการผลิตรถ EV โลกอย่างจีนชะลอการผลิตลง เหมืองขุดแร่ลิเทียมก็พลอยได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง