มติบอร์ดอีวี กับแผนสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่ หวังดันไทยสู่ฮับผู้ผลิตรถอีวีอาเซียนอาจล่าช้า รอชงเข้าครม.ชุดใหม่หลังเลือกตั้ง
หลังการประชุม เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66 ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี ได้มีข้อสรุปการประชุมเห็นชอบในหลักการมาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิตจาก 8% ลดเหลือ 1%
แต่ต้องสะดุด เมื่อ "สุพัฒนพงษ์" ไม่ยอมนำเรื่องขออนุมัติงบ 2.4 หมื่นล้าน จาก ครม. ทั้งที่มาตรการผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดอีวี ไปแล้ว
รวมทั้งมาตรการที่สำคัญคือ เงินสนับสนุนสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับ Cell Production ตามกำลังการผลิตสูงสุดและพลังงานจำเพาะโดยน้ำหนักของแบตเตอรี่ ที่มีการกำหนดวงเงินงบประมาณไม่เกิน 24,000 ล้านบาท บนหลักการ "First Come-First Served" เพื่อจูงใจให้ผู้ขอรับสิทธิเร่งดำเนินการผลิตแบตเตอรี่ในประเทศโดยเร็ว สำหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า แบ่งเป็นประเภท 3 แบตเตอรี่ คือ
เนื่องจากวงเงินงบประมาณมีจำนวนจำกัด การให้เงินสนับสนุนจะอยู่บนหลักการ “ลงทุนผลิตก่อน ได้รับเงินสนับสนุนก่อน” โดยเงินสนับสนุนที่ภาครัฐให้กับผู้ผลิตแบตเตอรี่จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้าถูกลง ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าขายในตลาดมีราคาถูกลงด้วย
ส่วนการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ขอรับสิทธิสามารถใช้สิทธินำเข้าแบตเตอรี่สำเร็จรูปมาก่อนและได้รับเงินสนับสนุนเพื่อให้สามารถเริ่มต้นการผลิตได้เร็ว โดยผู้ขอรับสิทธิจะต้องแสดงหลักฐานให้เชื่อได้ว่าจะมีการผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยในอนาคต เช่น บัตรส่งเสริมการลงทุนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน 4 (รง.4) สัญญาซื้อเช่าที่ดินและหลักประกันจากธนาคาร เป็นต้น
โดยกรมสรรพสามิตจะดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่อไปเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าผู้ขอรับสิทธิซึ่งใช้สิทธินำเข้าแบตเตอรี่จะมีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในภายหลัง
เงื่อนไขและมาตรการเพิ่มเติมอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้บันทึกรายงานการประชุมระบุว่า เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตแบตเตอรี่แสดงความประสงค์ที่จะลงทุนผลิตแบตเตอรี่ที่มีขนาดกำลังการผลิตตั้งแต่ 8 GWh/ปี ในประเทศไทยตามเป้าหมายการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ตั้งไว้ จึงเห็นควรให้ชะลอการดำเนินมาตรการดังกล่าวจนกว่าจะมีความชัดเจนว่าจะมีการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เกิดขึ้นในประเทศ
ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตนำมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่ไปหารือกับผู้ที่สนใจลงทุนให้เกิดความชัดเจนและนำเสนอมาตรการดังกล่าวพร้อมทั้งเสนอขอใช้งบประมาณต่อครม.
สุพัฒนพงษ์ ไม่ชงต่อ ให้รอรัฐบาลใหม่
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า มาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่อยู่ระหว่าง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานบอร์ดอีวี เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบและให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งมีผู้ผลิตแบตเตอรี่หลายรายกำลังรอมาตรการดังกล่าว
โดยนายสุพัฒนพงษ์ เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า
ขณะนี้ไทยได้รับความสนใจจากผู้ผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ระดับโลกในการมาลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่อีวีในประเทศ เพราะปัจจัยบวกหลายประการ ประกอบด้วย
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์