SHORT CUT
โดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกกฎหมาย De Minimis สกัดสินค้าจีนราคาถูกเข้าสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ 2 พ.ค. 68 หวังลดวิกฤตฟาสต์แฟชั่น
ท่ามกลางพายุหมุน “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เลิกใช้กฎหมาย De Minimis ซึ่งเป็นช่องโหว่ให้สินค้า Fast Fashion จากจีนนำเข้าสู่สหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องเสียภาษี มีผลตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 68 เป็นต้นไป
แพลตฟอร์มชอปปิ้งสินค้าจากจีน อาทิ Temu, Shein หรือ AliExpress ได้รับความนิยมสูงมากในสหรัฐฯ ในปี 2024 Temu มีจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนในสหรัฐอเมริกา เฉลี่ย 185.6 ล้านคน, Shein 46.9 ล้านคน และ AliExpress 24.2 ล้านคน
เหตุที่ได้รับความนิยมก็เพราะว่าสินค้าแทบทุกชนิดที่วางขายในแพลตฟอร์มดังกล่าว ราคาถูกกว่าท้องตลาด ซื้อง่ายขายคล่อง ทั้งยังเป็นแหล่งสินค้าฟาสต์แฟชั่นด้วย ในขณะเดียวกัน การมาถึงของบริษัทจีนเหล่านี้กำลังทำให้ธุรกิจของชาวอเมริกันต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ทีนี้ เราก็ต้องไปเข้าใจกฎหมาย De Minimis เจ้าปัญหากันก่อน
“De Minimis” คือมาตรการทางศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้สินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26,600 บาท) สามารถเข้าสู่ประเทศได้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า และแทบไม่ต้องผ่านการตรวจสอบจากศุลกากร
เหตุฉะนี้ ในยุคที่สินค้าอีคอมเมิร์ซรุ่งเรือง บริษัทต่าง ๆ จึงเห็นช่องโหว่ในมาตรการดังกล่าว และนำเข้าสินค้าสู่สหรัฐฯ เมื่อพลิกไปดูงานวิจัยก็พบว่า สินค้าที่มีการขนส่งที่มีมูลค่าต่ำ หรือ De Minimis ทะลักเข้าสู่สหรัฐฯ มากถึง 1.4 พันล้านชิ้น มีสัดส่วนราว ๆ 1 ใน 10 ของมูลค่าส่งออกสินค้าจากจีนไปยังสหรัฐฯ เลยทีเดียว
แล้วช่องโหว่ที่ว่าคืออะไร ?
เมื่อสินค้าจากจีนไม่จำเป็นต้องเสียภาษีนำเข้าสักหยวน ดังนั้น บริษัทจีนจึงขนสินค้าเข้าสู่สหรัฐฯ และขายสินค้าเหล่านี้ให้กับชาวอเมริกันได้โดยตรง เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น คุณภาพต่ำ เน้นผลิตตามกระแสแฟชั่นที่กำลังมาแรง
ใช้เวลาไม่กี่ปี บรรดาแพลตฟอร์มจีนเหล่านี้ก็เติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งยังปลูกฝังพฤติกรรมเน้นการบริโภคไวของชาวอเมริกันไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบัน เว็บไซต์ Uniform Market คาดการณ์อุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่นในสหรัฐฯ ว่าอาจมีมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025)
ใครที่ติดตามเนื้อหาของ SPRiNG มาก็อาจจะพอรับรู้กันแล้วว่าวิกฤตฟาสต์แฟชั่น (Fast fashion) นั้นส่งผลกระทบต่อทุก ๆ มิติในสังคมอย่างไร
หลังจากวันที่ 2 พ.ค. 68 เป็นต้นไป สินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 26,600 บาท ต้องเสียภาษีในอัตรา 30% ของมูลค่าสินค้า แล้วจะเพิ่มอัตราภาษีเป็น 50% หลังจากวันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป ย้ำ เสียภาษีชิ้นต่อชิ้น !
แต่ประเด็นก็คือ มิใช่แค่สินค้าฟาสต์แฟชั่นเท่านั้นที่สหรัฐฯ หวังจัดการให้อยู่หมัด แต่รัฐบาลทรัมป์ต้องการสกัดการลักลอบขนส่งสารต้องห้ามหลายชนิดเข้าสู่สหรัฐฯ อาทิ เฟนทานิล (Fentanyl), กลุ่มยาโอปิออยด์ (opioids) อาทิ มอร์ฟีน ฯลฯ
จากข้อมูลของกรมศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ซึ่งเผยว่า ยึดสารเฟนทานิล (Fentanyl) ได้มากกว่า 21,000 ปอนด์ที่ชายแดน ซึ่งเพียงพอที่จะฆ่าคนได้มากกว่า 4 พันล้านคนในสหรัฐฯ ดังนั้น การที่ทรัมป์สั่งยุติมาตรการ De Minimis ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 1938 จะจัดการวิกฤตฟาสต์แฟชั่นได้ผลหรือไม่นั้น เรื่องนี้คงต้องติดตามกันไปยาว ๆ
ที่มา: Independent, CNN
ข่าวที่เกี่ยวข้อง