บทเรียนโลกเดือด เมื่อคลื่นความร้อนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำโลกขาดทุนยับหลายพันล้านดอลลาร์ นักวิทย์เผย ถ้าไม่ทำอะไร หายนะเกิดแน่
ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์! นี่คือหัวข้อข่าวรายงานเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศที่เจอบ่อยสุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาใหม่ในวารสาร Nature Climate Change พบว่าในช่วงฤดูร้อนของปี 2023 และ 2024 มีวันที่มีคลื่นความร้อนทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นเกือบ 3.5 เท่า เมื่อเทียบกับปีอื่น ๆ ที่เคยบันทึกไว้
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น เป็นผลมาจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดคลื่นความร้อนในทะเลซึ่งทำลายสถิติหลายครั้ง และสร้างความเสียหายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ทั่วโลก รวมถึงความเสียหายทางจิตใจที่ยากจะลบเลือนได้
ยังมีผลกระทบอีกมากมายที่ประเมินค่าไม่ได้และไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ ดร.แคธริน อี สมิธ (Kathryn E Smith) สมาคมชีววิทยาทางทะเลแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า
“ผลกระทบจากคลื่นความร้อนในทะเลที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างรุนแรง ปะการังฟอกขาวเป็นวงกว้าง สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ปรากฎขึ้นในสถานที่ใหม่ สภาพอากาศก็เลงร้ายมากขึ้น ซึ่งถ้าระบบนิเวศทางทะเของเราได้รับผลกระทบคลื่นความร้อนบ่อยเท่าไหร่ ก็จะยิ่งฟื้นฟูได้ยากและนานขึ้น”
“ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นความร้อนในทะเลส่งผลในทิศทางที่เลวร้ายไปมากกว่านี้ เราจำเป็นที่จะต้องหยุดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และในระหว่างนี้ก็เตรียมพร้อมรับมือกับคลื่นความร้อนควบคู่ไปด้วย”
ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีกมากมายออกมาแสดงความเห็นที่ตรงกันว่า ภาวะโลกร้อนไม่ใช่เรื่องไกลตัว และมันกำลังนำพาหายนะบางอย่างมาหาเราอย่างช้า ๆ และจะอยู่กับเราในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การศึกษาครั้งนี้เป็นการยืนยันอีกครั้งถึงสิ่งที่รัฐเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ในสถานะกำลังพัฒนา เตือนมาตลอดหลายปีแล้ว ว่ามหาสมุทรของเรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤต คลื่นความร้อนในทะเลเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างไม่หยุดยั้ง และได้ทำลายแนวปะการัง แหล่งประมง และทำลายสมดุลธรรมชาติอันบอบบบางที่หล่อเลี้ยงผู้คนมาหลายชั่วอายุคน นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเรื่องการอยู่รอดของเราทุกคน
ที่มาข้อมูล