ฝนที่ตกหนักผิดปกติ และความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียโดยตรงต่อการปลูก'ข้าว' ด้วย ทำให้นักวิทย์ของอินเดียต้องพยายามพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่สามารถอยู่รอดท่ามกลางวิกฤติโลกร้อนให้ได้
อินเดียถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและผู้บริโภคข้าวและข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่เมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ฝนที่ตกหนัก หรืออุณหภูมิที่ร้อนจัดเกินไป ก็ทำให้พื้นที่ปลูกข้าวหลายพันเอเคอร์ต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกษตรกรต้องพบว่าอาชีพของพวกเขากำลังตกอยู่ในความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ
เช่นเดียวกับองค์กรวิจัยอื่นๆ ทั่วโลก องค์กรวิจัยด้านการเกษตรในอินเดียได้ใช้เวลานานหลายปี พยายามพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน ทนทานต่อความแห้งแล้ง หรือต้านทานโรคพืชได้ดีขึ้น ซึ่งพวกเขาทดลองข้าวพันธุ์ใหม่นี้มาเป็นเวลา 5 ปี และยืนยันว่ามันเป็นข้าวที่ใช้น้ำในการปลูกน้อยลง ต้านทานโรคได้ดีขึ้น และยังให้ผลผลิตที่ดีขึ้นในเวลาเดียวกัน
เนื่องจากอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศมากที่สุด เมล็ดข้าวพันธุ์ใหม่เหล่านี้จึงเปรียบเสมือนทางรอด เพื่อให้แน่ใจว่าเกษตรกรอินเดียจะสามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนภายในประเทศและเพียงพอสำหรับการส่งออกเพื่อสร้างรายได้
เมื่อต้นปีนี้ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ได้เผยแพร่เมล็ดพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศจำนวน 109 เมล็ดในพืชผล ได้แก่ ธัญพืช พืชตระกูลถั่ว และพืชน้ำมัน เช่น ถั่วลิสง รัฐบาลกลางของอินเดียยังได้ประกาศแผนที่จะปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศในพื้นที่เพาะปลูกข้าวอย่างน้อย 25% ของประเทศในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่จะถึงนี้ด้วย
ขณะที่องค์การสหประชาชาติมีรายงานว่า มีผู้คนมากกว่า 700 ล้านคนอดอาหาร และประชากรโลกมากกว่าหนึ่งในสามไม่สามารถซื้ออาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้ นั่นหมายความว่าเมล็ดพันธุ์พืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศคือสิ่งจำเป็น เพื่อให้ทั่วโลกผลิตอาหารได้อย่างมั่นคง ซึ่งนอกจากอินเดียแล้ว ยังมีโครงการอื่นๆ อีก เช่น โครงการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและโครงการที่ได้รับทุนจากภาคเอกชน ซึ่งกำลังช่วยพัฒนาพืชผลที่ทนทานต่อสภาพอากาศในแอฟริกา อเมริกากลาง และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย