SHORT CUT
จีนมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะขณะนี้จีนกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า "เครือข่ายป้องกันน้ำท่วม" ทั่วประเทศ พร้อมนำเทคโนโลยีอย่างเอไอมาใช้ทันสมัยขั้นสุด
ปีนี้นับว่าเป็นปีที่จีนเจอฝนตกและน้ำท่วมค่อนข้างหนัก ซึ่งในเวลานี้ สภาพอากาศอันสุดโต่งถูกชี้ว่ากลายเป็นนิวนอร์มอล หรือปกติใหม่ไปแล้วสำหรับจีน โดยในระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ผ่านมา จีนเกิดความสูญเสียคิดเป็นมูลค่ามากถึง 12,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 57,000 ล้านบาท จากฝนตกหนักและน้ำท่วม
มีปัจจัยมากมายที่อยู่เบื้องหลังเหตุฝนตกหนักและน้ำท่วมจีนในปีนี้ ดร.โอลิเวอร์ วิง นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยบริสทอลเปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าโลกร้อนจะทำให้โลกของเราเกิดฝนตกมากขึ้น เนื่องจากสมการคลอเซียส-คลาเปย์รอง ซึ่งตามความสัมพันธ์นี้ชี้ว่า อากาศสามารถกักเก็บความชื้นได้เพิ่มขึ้นราว 7 เปอร์เซ็นต์ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นทุกๆ 1 องศาเซลเซียส หมายความว่า จะมีฝนตกหนักมากขึ้นในโลกที่ร้อนขึ้น
นอกเหนือไปกว่านั้น ความร้อนของโลกยังไปชักนำทำให้เกิดน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก หมายความว่า สตอร์มเซิร์จหรือคลื่นพายุซัดฝั่งก็จะสูงขึ้น
สำหรับในจีน อากาศที่ร้อนขึ้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฝนตกหนักขึ้นในหลายมณฑลทางชายฝั่งตอนใต้ของประเทศ เช่น กวางตุ้งและกวางซี นอกจากนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญก็ยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในจีนบ่อยขึ้น เพราะอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นด้วย
จีนเป็นประเทศที่มีแม่น้ำสายใหญ่มากมายไหลผ่านภายในประเทศ และพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำก็มักจะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม ดังนั้นจีนจึงได้สร้างโครงการเกี่ยวกับน้ำขนาดใหญ่จำนวนมากเพื่อป้องกันน้ำท่วม เช่น โครงการผันน้ำใต้-เหนือในแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2002 และโครงการล่าสุดที่น่าสนใจคือ “เครือข่ายน้ำแห่งชาติ” ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2035 โดยคาดว่า โครงการเครือข่ายน้ำแห่งชาตินี้จะเป็นเสาหลักที่คอยช่วยป้องกันน้ำท่วมในอนาคต ลักษณะของโครงการเหล่านี้คือการติดตั้งประตูป้องกันน้ำท่วม ประตูระบาย เขื่อน และทางผันน้ำเอาไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงน้ำท่วมด้วย
ขณะเดียวกัน จีนยังได้พัฒนาระบบเฝ้าสังเกตการณ์และป้องกันภัยน้ำท่วมโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น อินเทอร์เน็ต ข้อมูล และเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยด้วย
อย่างในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน จะมีการรวบรวมข้อมูลจากกล้องความคมชัดสูง ใช้แผนที่เรด้า และดาวเทียม เพื่อช่วยในการอัพเดทข้อมูลเรื่องน้ำท่วมแบบเรียลไทม์ ส่วนที่เมืองหนิงโป เมืองท่าทางชายฝั่งตะวันออกของจีน ที่นั่นทำงานร่วมกับบริษัทโทรศัพท์มือถือเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและกระจายข้อมูลออกไป
กระทรวงจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของจีนเปิดเผยว่า การใช้มาตรการที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติลดลงถึง 54 เปอร์เซ็นต์ระหว่างช่วงปี 2018-2022 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 2013-2017
นอกจากนี้ ที่เมืองกุ้ยผิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เกิดน้ำท่วมบ่อยเนื่องจากตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำจู ก็ได้ใช้เทคโนโลยีอย่าง big data และ AI ช่วยสร้างแบบจำลองของแม่น้ำ ทะเลสาบและแหล่งน้ำอื่นๆ เพื่อใช้คาดการณ์การเกิดน้ำท่วม โดยหลี หยิง วิศวกรด้านน้ำประจำโครงการดังกล่าวเปิดเผยว่า พวกเขาจะคาดการณ์น้ำท่วมล่วงหน้าถึง 10 วัน และประเมินระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นล่วงหน้าก่อน 48 ชั่วโมง
และอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญคือโดรน เพราะจีนใช้โดรนในการเก็บข้อมูลเรื่องน้ำท่วมและยังเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับทีมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย นอกจากการส่งโดรนไปสำรวจข้อมูลและเก็บภาพได้แล้ว โดรนยังสามารถนำส่งสิ่งของเข้าไปยังพื้นที่ที่ถูกตัดขาดได้อีกด้วย
จริงๆแล้วจีนมีระบบเตือนภัยน้ำท่วมมากมาย แต่ที่น่าสนใจจนต้องหยิบยกขึ้นมาพูดถึงคือที่มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเผชิญกับพายุค่อนข้างบ่อย เพราะตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศ หลังจากที่เจอกับไต้ฝุ่นหลายต่อหลายครั้ง กวางตุ้งก็คิดค้นระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีชื่อว่า “31631” ขึ้นมา โดยตัวเลขแต่ละตัวจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป
รายงานระบุว่า ระบบเตือนภัยเช่นนี้จะทำให้เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับคำเตือนครั้งแรก พวกเขาก็จะรู้ว่าต้องรับมือกับอะไรบ้าง และสามารถเตรียมความพร้อมได้
ที่มา