SHORT CUT
ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศกำลังทำให้บ้านเรือนประชาชนในสหรัฐฯเสี่ยงได้รับความเสียหาย ทั้งจากน้ำท่วม ไฟป่า หรือลมกระโชกแรง และนอกเหนือจากนั้น หากบ้านในบางพื้นที่ไม่ได้เสี่ยงได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติแล้ว ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากประกันบ้านที่แพงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาก็ชี้ว่า ยังมีชาวอเมริกันบางส่วนไม่เชื่อว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและโลกร้อนเป็นเรื่องจริง
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของเว็บไซต์ดังกล่าวระบุด้วยว่า อันตรายจากภัยธรรมชาติเหล่านั้นสามารถส่งผลกระทบต่อราคาบ้าน ทำให้ค่าประกันแพงขึ้น และอาจเลวร้ายถึงขั้นทำลายเสถียรภาพของตลาดบ้านภายในประเทศ ถึงแม้ว่าอสังหาฯบางตัวจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความเสี่ยงของสภาพอากาศ แต่ก็อาจจะได้รับผลกระทบตรงที่ต้องจ่ายค่าประกันแพงขึ้น ซึ่งนั่นก็จะไปส่งผลกระทบต่อราคาขาย และทำให้บรรดาเจ้าของบ้านขึ้นราคาบ้านให้แพงขึ้นอีก
นอกจากนี้ยังมีรัฐอื่นๆที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยข้อมูลของ First Street ซึ่งทำการศึกษาใน 100 เมืองขนาดใหญ่ทั่วประเทศ พบว่า ในอีก 30 ปีข้างหน้า 18 เปอร์เซ็นต์ของบ้านเรือนประชาชนจะเสี่ยงได้รับความเสียหายจากลมกระโชกแรงและเฮอริเคน 9 เปอร์เซ็นต์ของบ้านเรือนจะเสี่ยงเผชิญควาเมสียหายอย่างหนักหรือหนักมากจากปัญหาคุณภาพอากาศ
นอกจากนี้ ยังพบว่า ปัจจุบันปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีผลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจในการเลือกที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยชาวอเมริกันกว่า 3 ล้านคนย้ายบ้าน เพื่อหนีน้ำท่วม
รายงานยังระบุด้วยว่า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน นับเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ ซึ่งตัวเองเขาก็ปฏิเสธเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมาโดยตลอด และนำสหรัฐฯออกจากข้อตกลงปารีสเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนที่รัฐบาลก่อนหน้านั้นลงนามเอาไว้ด้วย
ที่มา : CBS / The Guardian
เนื้อหาที่น่าสนใจ :