svasdssvasds

ม.ค. 67 เป็นมกราคมที่ร้อนจนทุบสถิติ นับตั้งแต่ปี 2493 ! เซ่นผลพวงจากเอลนีโญ

ม.ค. 67 เป็นมกราคมที่ร้อนจนทุบสถิติ นับตั้งแต่ปี 2493 ! เซ่นผลพวงจากเอลนีโญ

โลกร้อนขึ้น 1.52 องศา จากการรายงานของ Copernicus Climate Change Services (CS3) นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 จนถึงมกราคมที่ผ่านมา และคาดว่าปีนี้จะร้อนยิ่งกว่าปีที่แล้ว !

โลกร้อนเกิน 1.5 องศาแล้วหรือยัง?

หน่วยงาน Copernicus Climate Change Services (CS3) ระบุว่า ตั้งแต่เดือนกุมพาพันธ์ปี 2023 จนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา (1 ปี) โลกร้อนขึ้นเฉลี่ย 1.52 องศาซึ่งเกินกว่าที่ความตกลงปารีส (Paris Agreement) กำหนดไว้

และหากนับเฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมาแค่เดือนเดียว พบว่า มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 13.14 องศาเซลเซียส ซึ่งนับว่าร้อนขึ้น 0.7 องศา เมื่อเทียบกับอุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนมกราคมตั้งแต่ปี 1990 – 2020

โลกร้อนเกิน 1.5 องศาแล้ว Credit ภาพ Reuters

ละเมิดความตกลงปารีสหรือไม่?

ก่อนอื่นต้องบอกว่า แม้ตัวเลขจะทะลุเป้าที่หลาย ๆ ประเทศกำหนดร่วมกัน แต่ในกรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง เพราะในข้อตกลงเป็นการกำหนดเป้าการรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศา โดยเฉลี่ยระยะยาวอย่างน้อย 20 ปี

ซึ่งขณะนี้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลก (ภายใต้เงื่อนไขของความตกลงปารีส) อยู่ที่ 1.25 องศา จากการประเมินของศาสตราจารย์ริชาร์ด เบตต์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศที่ศูนย์วิจัย Met Official Hadley

สาเหตุที่ทำให้โลกร้อนขึ้น 1.5 องศา

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โลกร้อนขึ้น 1.52 องศานั้น เป็นผลกระทบของเอลนีโญ ที่ทำให้หลาย ๆ พื้นที่เผชิญสภาวะแห้งแล้ง รวมถึงทำให้อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรอุ่นขึ้น

ภัยแล้งเอลนีโญหนึ่งในสาเหตุโลกร้อนขึ้น Credit ภาพ REUTERS

อีกหนึ่งสาเหตุที่มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้นไม่แพ้ภัยเอลนีโญคือ ก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีแววจะเพิ่มขึ้นอยู่ทุกปี แม้ในการประชุม COP 28 ที่ผ่านมา หลายประเทศได้ข้อยุติแล้วว่า จะหันไปใช้พลังงานสะอาดและลด/เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

กาเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลหนึ่งในสาเหตุโลกร้อนขึ้น Credit ภาพ Reuters

ทั้งนี้ ดร.แมตต์ แพตเตอร์สัน จากมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ระบุว่า พวกเราคงได้ยินข่าวเรื่องโลกร้อนขึ้นเกิน 1.5 องศาตลอดทั้ง 11 เดือนที่เหลือ ซึ่งจากปีที่ผ่าน ๆ มา พวกเราคงได้เห็นแล้วว่า การที่อุณหภูมิสูงขึ้นแม้แต่หลักหน่วยนั้นส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายมหาศาลแค่ไหน

ถือเป็นภารกิจที่ทั้งโลกยังต้องพยายามร่วมกันต่อไป เพื่อช่วยลด/เลิกเรื่องใดก็ตามที่มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งบางครั้งการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะใช้เวลามากขนาดที่จะรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ได้ในสภาพที่ไม่ใช่ซากปรักหักพังหรือเปล่า

 

ที่มา: Euro News

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related