ชวนดู ปฏิทินโลกเดือดฉบับ อ.ธรณ์ หมดหนาวแล้ว เตรียมรับมือ ฝุ่น ฝน แล้ง แบบฉ่ำ ๆ
อ.ธรณ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม แบ่งปันปฏิทินโลกเดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยบอกว่า "ฤดูหนาวหมดแล้ว" จากนี้ต่อไปอีก 11 เดือน คนไทยต้องเจอกับอะไรบ้าง? ติดตามได้ที่บทความนี้
หลายคนบ่นกันระนาว ทำไมยังไม่หมดเดือนมกราคมสักที ! เป็นเวลา 30 กว่าวันที่คนไทยถูกไปด้วยรมฝุ่น PM 2.5 จนกระทบสุขภาพและการใช้ชีวิตอย่างหนักหน่วง บ้างต้องไปหาหมอเพื่อตรวจเช็กอาการ
แต่นั่นเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น นั่นแค่ 1 เดือน ยังเหลือเวลาอีก 11 เดือน มาดูกันหน่อยว่า ปีนี้คนไทยต้องเจอกับสถานการณ์อะไรบ้าง ในุมมองของ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ "อ.ธรณ์" บอกเลยว่าทั้งฝุ่น ฝน ร้อน แล้ง น้ำท่วม จัดเต็ม!
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ '67
สำหรับคนกรุงเทพคนไม่ได้สัมผัสอากาศหนาวอีกแล้ว แต่ภาคเหนือยังอากาศเย็นอยู่ และฝุ่นยังไม่จู่โจมอย่างจริงจัง
ปลายกุมภาพันธ์ '67
ปีนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนเร็วกว่าปีก่อน ๆ และเอลนีโญยังคงอยู่ อ.ธรณ์แนะนำว่าให้คนไทยเตรียมตัวรับมือภัยแล้ง ฝุ่นมาแน่ มาอยู่แล้ว แต่มามากมาน้อย ให้ดูเป็นวัน ๆ ไป
เดือนมีนาคม '67
ภัยแล้งจากเอลนีโญทุเลาลงเล็กน้อย แต่จะความร้อนจะสูงขึ้นเพราะเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย ในวันใดที่ฝนตก อาจช่วยลดฝุ่นได้บ้าง
เดือนเมษายน '67
ช่วงเดือนที่ 4 ของปี คาดการณ์ว่าเอลนีโญจะสิ้นสุดลง แต่จากไปแค่ในนาม เพราะยังทิ้งความร้อนไว้มากมาย ฉะนั้น เตรียมตัวร้อนตับแล่บกันได้เลย อย่าลืมเตรียมเงินไว้จ่ายค่าไฟกันด้วย
เป็นเดือนที่ฝึกฝนไว้สำหรับรับมือโลกเดือดในอนาคต ฝึกกันเยอะๆ นะฮะ - อ.ธรณ์ กล่าว
เดือนพฤษภาคม '67
เอลนีโญใกล้จะสิ้นอิทธิฤทธิ์แล้ว ความร้อนจะทุเลาลง แต่สำหรับฝน ยังต้องรอลุ้น เพราะในโลกยุคนี้ คาดเดาและทำนายการเกิดฝนยากพอสมควร
เดือนมิถุนายน '67
หากฝ่าช่วงเดือนร้อนหฤโหดมาได้ คุณเก่งมาก - อ.ธรณ์ เอลนีโญน่าจะโบกมือลา ประเทศไทยจะกลับสู่สภาวะปกติ ฝนเริ่มกลับมาตกรดใส่เราให้ชุ่มชื้นขึ้นได้ หลังจากเพิ่งผ่าน ช่วงทดลอง วิกฤตโลกเดือดในช่วงครึ่งปีแรกมาได้
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปจนถึงสิ้นปี
โลกจะอยู่ในสภาวะปกติประมาณ 3 - 4 เดือน แต่... ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจากเอลนีโญ จะเปลี่ยนเป็นแฝดคนละฝาอย่าง ลานินญาหรือไม่?
ขอเพื่อนธรณ์จงฝ่าฟันผ่านโลกเดือดในปีนี้ไปให้ได้ เอลนีโญจะไม่กลับมาในระยะอันใกล้ แต่แน่นอนว่า โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ หากเธอมาหนหน้าจะเดือดกว่านี้ อ.ธรณ์ ทิ้งท้าย
ที่มา: Thon Thamrongnawasawat
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
