วาฬขึ้นหาอาหารบริเวณแนวชายฝั่ง เพราะได้รับผลกระทบจากมวลน้ำอุ่น The Blob ประสบปัญหาถูกกับดัก-เรือชน ผุดอุปกรณ์สุดล้ำ คำนวณความเคลื่อนไหวของวาฬล่วงหน้าได้ 1 ปี ช่วยชาวประมงวางแผนการเดินเรือได้
โดยปกติแล้ว ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่ชาวประมงในสหรัฐออกจับปูเพื่อทำมาค้าขายที่ตลาดสด แต่ในปีนี้แนวทางดังกล่าวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเรือจับปลาไม่สามารถแล่นออกออกนอกชายฝั่งได้ เพราะต้องระมัดระวังวาฬหลังค่อมที่ออกมาหาอาหารอยู่ตามแนวชายฝั่ง
ทว่า เกิดปัญหาบางอย่าง เพราะในแถบทะเลแปซิฟิกเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “The Blob” เป็นมวลน้ำขนาดใหญ่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติราว 2.5 องศาเซลเซียส มวลน้ำอุ่นนี้กินพื้นที่กว้างราว 800 กิโลเมตร ลงลึกใต้มหาสมุทรกว่า 91 เมตร แต่ถูกค้นพบภายหลังว่ามวลน้ำอุ่นนี้ขยายไปแล้ว 1,600 กิโลเมตร ปรากฏการณ์นี้ส่งผงกลระทบต่อระบบนิเวศในน้ำอย่างใหญ่หลวง
ประเด็นก็คือ อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นจาก ‘The Blob’ ซึ่งกินพื้นที่กว้างมาก ไปกระทบกับวาฬที่มักหาอาหารในระดับน้ำลึก จำต้องขึ้นมาเหนือผิวน้ำใกล้ชายฝั่งเพื่อหาอาหาร
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! ตามระนาบชายฝั่ง มักมีกับดักของชาวประมงวางดักเอาไว้อยู่ ซึ่งเหตุผลในการวางอาจไม่ได้เจาะจงไปที่วาฬ แต่วาฬก็ได้รับผลกระทบ พร้อมได้รับบาดเจ็บหนัก หรือโชคร้ายหน่อยก็ไปชนเข้ากับเรือของชาวประมงที่กำลังออกไปหาปลา และสัตว์ทะเลเพื่อนำไปขาย
การศึกษาล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications ระบุว่า ขณะนี้แบบจำลองสภาพภูมิอากาศโลกที่ใช้กัน ‘จนเกร่อ’ สามารถใช้คาดการณ์การปรากฏตัวของวาฬตามแนวชายฝั่งได้ ด้วยการใช้ข้อมูลเรื่องอุณหภูมิน้ำที่อุ่นขึ้นประกอบการพิจารณา แถมยังระบุอีกว่า สามารถใช้คาดการ์ล่วงหน้าได้ถึง 1 ปี
ชื่ออย่างเป็นทางการคือ “the Habitat Compression Index” ขั้นตอนการทำงานคือ ป้อนข้อมูลจากการวัดอุณหภูมิของน้ำทะเล ลงไปเพื่อคำนวณในสมการที่ถูกคิดขั้นมาอย่างซับซ้อน จากนั้นจะได้ผลลัพธ์เป็นความน่าจะเป็นของโอกาสในการปรากฏตัวของวาฬ (เชิงพื้นที่)
ผู้เขียนงานชิ้นนี้ Steph Brodie ได้ลิสต์ให้เราเห็นถึงประโยชน์นานัปการของ “the Habitat Compression Index” ที่เห็นได้ชัดคือ ชาวประมง หน่วยงาน หรือภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องใช้ทรัพยากรในทะเลเพื่อไปทำการค้าขาย จะสามารถล่วงรู้ถึงแนวโน้มความเคลื่อนไหวของวาฬได้
เมื่อรู้แล้วก็สามารถวางแผนการเดินเรือ การงดวางกับดักต่อสัตว์บางชนิดเพื่อปกป้องวาฬที่จำต้องขึ้นมาหาอาหารตามแนวชายฝั่ง เพราะได้รับผลกระทบจากมวลน้ำอุ่นใต้ทะเล
มิเพียงแค่ใช้คาดการ์ตำแหน่งขางวาฬ แต่เครื่องมือดังกล่าวสามารถประยุกต์ใช้กับ ‘เต่าทะเล’ ได้ด้วยวิธีการที่คล้ายคลึงกัน ประหนึ่งว่าเรามี ‘ฮาคิสังเกต’ สามารถล่วงรู้ วางแผน และป้องกันได้ล่วงหน้ากว่า 11.5 เดือนหรือราว ๆ 1 ปี
นอกจากนี้ การคาดเดาความเคลื่อนไหนของสัตว์น้ำได้ อาจเป็นประโยชน์ต่อแคนาดา ในการเดินเรือ หากใครจำได้ ในช่วงที่ผ่านมามีสำนักรายงานว่า เรือประมงที่แคนาดาชนเข้ากับวาฬไรต์ที่ขึ้นอยู่เหนือผิวน้ำ ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตโดยใช่เหตุของสัตว์น้ำที่เสี่ยงสูญพันธุ์ได้
NY Times ได้สำรวจความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวประมง พบว่า ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน ว่าการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของสัตว์น้ำได้ เป็นประโยชน์อย่างมากในการเดินเรือ พร้อมบอกอีกว่าเหล่าคนเรือก็ต้องการช่วยปกป้องสัตว์เหล่านี้เช่นกัน
“ในความคิดผมนะ สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก” Richard Ogg กัปตันเรือพาณิชย์ประจำอ่าวโบเดกา กล่าว
Richard อธิบายเพิ่มเติมว่า ตนในฐานะชาวประมงที่คลุกคลีอยู่กับท้องทะเลมาอย่างยาวนาน ไม่ต้องการเห็นวาฬได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายใด ๆ อีก พร้อมบอกอีกว่าชาวประมงส่วนใหญ่ค่อนข้างคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันในเรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเล
ท้องทะเลคือพื้นที่หากินเดียวของชาวประมง แต่ Richard ได้ส่งคำขอต่อผู้เกี่ยวข้องไว้ว่า หากจะมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบ หรือมีการนำเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ ขอให้แจ้งแวดวงคนทำประมงทราบล่วงหน้า เพราะนี่เป็นเรื่องใหม่
ที่มา: nytimes
เนื้อหาที่น่าสนใจ