BYD ครองแชมป์ รถ EV ขายดีสุดในอาเซียน แซงหน้าบริษัทเทสลา ส่วนไทยยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าพุ่ง 700% สวนทางรถยนต์สันดาปใช้น้ำมันที่คนซื้อลดลง
ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน BYD ขึ้นครอง ส่วนแบ่งการตลาดรถไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการสร้างหุ้นส่วนและการตลาดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 แซงหน้า เทสลา ด้วยวิธีหาตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่น มุ่งสร้างแบรนด์ก่อนเน้นทำกำไร
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา (19 ก.ย.) ว่า BYD สามารถครองตลาดการขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้มากกว่า 1 ใน 4 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือตลาดอาเซียน แล้ว โดยยักษ์ใหญ่จากจีนรายนี้ สามารถแซงหน้าแบรนด์คู่แข่งหลายราย รวมทั้ง Tesla ผู้ผลิตรถ EV ระดับแนวหน้าของโลก สัญชาติอเมริกัน
ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานว่า BYD ลงทุนเกือบ 500 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานใหม่ในไทยซึ่งจะมีกำลังการผลิตรถ EV ราว 150,000 คันต่อปีตั้งแต่ปีหน้า (2024) เป็นต้นไป โดยจะส่งออกไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปเป็นหลัก
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2566 ดังต่อไปนี้
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 60,234 คัน ลดลงจากเดือน กรกฎาคม 2566 ที่ 3.62 % จากยอดขายรถกระบะที่ลดลงถึง 36.3 % เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อและลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 11.69 %
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2566 แบ่งตามประเภทเชื้อเพลิง
กำลังซื้อรถชะลอตัว ผู้ซื้อเน้นรถประหยัดน้ำมันมากขึ้น
โดยตั้งแต่เดือน มกราคม - สิงหาคม 2566 มียอดขายรถยนต์ 524,784 คัน ลดลงจากปี 2565 ในช่วงเดียวกัน 6.21 % โดยแบ่งเป็น
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,304,883 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – สิงหาคม 2565 ถึง 7.64 % โดยแบ่งเป็น
ซึ่งยอดจดทะเบียนใหม่รถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนสิงหาคม 2566 มีจำนวน 9,076 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว 293.92 % โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,619 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2565 ถึง 458.57 % แบ่งเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 6,594 คัน และรถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 25 คัน
จากยอดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นมีอัตราการเติบโตเป็นอย่างมาก และเป็นที่น่าจับตามองของบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศที่จะมาแข่งขันกันในประเทศไทย ส่งผลดีให้กับผู้บริโภคมีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายมากขึ้นจากเมื่อก่อนพอสมควร
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง