การศึกษาใหม่ร่วมระหว่างฟินแลนด์ เดนมาร์ก และสหรัฐฯ พบว่า น้ำแข็งกรีนแลนด์ละลาย ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นกว่า 27 ซม. เป็นผลจากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น
ผลการศึกษาจากคณะนักวิจัยของฟินแลนด์ เดนมาร์ก และอเมริกา ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์เนเจอร์ ไคลเมต เชนจ์ (Nature Climate Change) ระบุว่า การละลายของแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ภายใต้อุณหภูมิปัจจุบันจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 27 ซม. หรือเกือบหนึ่งไม้บรรทัด
คณะนักวิจัยนำโดยอาลัน ฮับบาร์ด (Alun Hubbard) จากหน่วยวิจัยภูมิศาสตร์กายภาพ มหาวิทยาลัยโอลู (University of Oulu) ในฟินแลนด์ อธิบายว่า แผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์เกิดความไม่สมดุลตามสภาพอากาศของอาร์กติกหรือขั้วโลกเหนือ โดยแผ่นน้ำแข็งอย่างน้อย 59,000 ตร.กม. ของทั้งหมดจะละลายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
คำแถลงจากมหาวิทยาลัยโอลู ระบุว่า แผ่นน้ำแข็งที่กำลังจะละลายหายไปนั้นมีขนาดใหญ่กว่าประเทศเดนมาร์ก
คณะนักวิจัยใช้การวัดสภาพอากาศของอาร์กติกระหว่างปี 2000-2019 รวมกับข้อมูลจากดาวเทียมและธรณีฟิสิกส์น้ำแข็ง ตรวจสอบความไม่สมดุลของแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ได้อย่างแม่นยำ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :
"การศึกษานี้เป็นเรื่องใหม่มาก อาศัยการวัดจริงจากกรีนแลนด์ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา รวมกับทฤษฎีวิเคราะห์อันเป็นที่ยอมรับ" ฮับบาร์ด ระบุ พร้อมเสริมว่าคณะนักวิจัยสามารถตรวจสอบการมีส่วนเพิ่มระดับน้ำทะเลทั่วโลกของกรีนแลนด์ที่น่าเชื่อถือได้
นอกจากนั้น การศึกษานี้เผยว่าหากทุกปีมีอากาศอุ่นเหมือนปี 2012 , 2016 หรือ 2019 ซึ่งเป็นปีที่กรีนแลนด์เผชิญคลื่นอากาศร้อน การละลายของแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์จะเพิ่มระดับน้ำทะเลทั่วโลกเกือบ 1 ม.
ฮับบาร์ด ชี้ว่า แม้แต่กรณีที่ดีที่สุด ระดับน้ำทะเลก็จะเพิ่มขึ้น 27 ซม. แต่หากสภาพอากาศในกลุ่มประเทศกรีนแลนด์ยังคงอบอุ่นต่อไปเหมือนช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นใกล้ 1 ม.
"นั่นจะเป็นมหันตภัยใหญ่หลวงสำหรับภูมิภาคชายฝั่งที่ราบลุ่มต่ำกว่าระดับน้ำทะเลทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันภูมิภาคเหล่านั้นจำนวนไม่น้อยเกิดน้ำหลากท่วมจากเฮอริเคนและคลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge) บ่อยครั้งแล้ว" ฮับบาร์ด กล่าว