ชวนทำความรู้จักเทคโนโลยี Snickometer ถูกใช้ในเกมยูโร 2024 ช่วยตัดสินจังหวะแฮนด์บอล - ล้ำหน้า และ เบลเยียม ทีมใหญ่ของยูโรครั้งนี้ โดนริบประตูสำคัญ จาก VAR ซึ่งใช้เทคโนโลยีนี้ไปแล้ว
สำหรับ ฟุตบอลยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี มีเรื่องราวของเทคโนโลยีมาใหม่ๆ มาใช้ในยูโรครั้งนี้มากมาย และที่เห็นได้เด่นชัดที่สุด คือ เทคโนโลยีตัวใหม่ snickometer มาตัดสินจังหวะล้ำหน้าและแฮนด์บอล และได้ใช้อย่างชัดเจน และปรากฎต่อสายตาชาวโลก ในเกมที่ เบลเยียม แพ้ต่อ สโลวาเกีย 0-1 ในค่ำคืน 17 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา
สำหรับ ในเกมนี้ มีจังหวะสำคัญช่วงท้ายเกม ซึ่ง เบลเยียมมีโอกาสตีเสมอสโลวาเกีย , ลูอิส โอเพนด้า นักเตะเบลเยียม เปิดบอลให้ โรเมลู ลูกากู ยิงเข้าไป แต่ VAR แจ้งว่า โอเพนด้า แฮนด์บอล ทำให้ผู้ตัดสินวิ่งไปเช็ก VAR ริบประตูคืนอีกครั้ง เบลเยียม พลาดโอกาสได้ประตูตีเสมออย่างเจ็บหัวใจแฟนบอลปีศาจแดงแห่งยุโรป
ในจังหวะนี้ เทคโนโลยี Snickometer ได้มาช่วย ในตัดสินแฮนด์บอล นับเป็นครั้งแรกที่ผู้ถ่ายทอดสดจะส่งกราฟิก Touch detection หรือ "การตรวจจับการสัมผัส" โดยลูกบอลจะมีไมโครชิปที่ส่งข้อมูลที่แม่นยำไปยังผู้ตัดสินแบบเรียลไทม์
เจ้าชิปตัวนี้จะตรวจจับการเคลื่อนไหวในเกมยูโร 2024 เพื่อบันทึกทุกสัมผัสที่เกิดขึ้นด้วยความเร็ว 500 ครั้งต่อวินาที , โดยการตัดสินในจังหวะนี้จะมีการโชว์จากภาพด้านล่างมีคลื่นเสียงพุ่งสูงขึ้น นั่นถือเป็นการบอกว่า มีการสัมผัสบอลที่ถือในจังหวะดังกล่าว
เจ้าเทคฯตัวนี้ Connected Ball Technology พัฒนาต่อยอดมาจากฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งเซนเซอร์กลางลูกบอลสามารถให้ข้อมูลตามระบบการติดตาม
เทคโนโลยี Snickometer ประเภทนี้คล้ายกับ “Snicko” ที่ใช้ในกีฬาคริกเก็ตมาก่อนแล้ว และ ในยูโรครั้งนี้ เทคโนโลยีตัวนี้ ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
สำหรับ เจ้าเทคฯ Snickometer เอามาใช้ เพราะ UEFA ต้องการให้ทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2024 เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ให้ความสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีมาช่วยตัดสินอย่างถูกต้อง เที่ยงตรง โปร่งใส และให้ความยุติธรรมกับทีมที่ลงแข่งขันมากที่สุด
รวมถึงมีการบอกผลการตัดสินขึ้นหน้าจอในสนามให้แฟนบอลรับรู้ด้วย เพื่อเป็นการลดข้อครหาเรื่องการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม ให้แฟนบอลเอาไปวิจารณ์แบบสวดยับโลกออนไลน์เหมือนที่ผ่านมา
ที่มา : thesun
ข่าวที่เกี่ยวข้อง