Bill Gates ชี้เทรนด์การทำงานอนาคต เผย 3 อาชีพที่ AI ทำแทนไม่ได้

การปฏิวัติของปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การทำงานทั่วโลกอย่างรวดเร็ว AI เข้ามาช่วยจัดการงานซ้ำซากจำเจ ทำให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนและสร้างสรรค์มากขึ้น

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้จุดประกายความกังวลเรื่องการสูญเสียตำแหน่งงานอย่างกว้างขวาง รายงานหลายชิ้นชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่งานหลายล้านตำแหน่งอาจถูกแทนที่ด้วย 'ระบบอัตโนมัติ'

ตัวอย่างเช่น มีการคาดการณ์ว่างานในสหราชอาณาจักรกว่า '8 ล้านตำแหน่ง' ตกอยู่ในความเสี่ยง และกว่าครึ่งหนึ่งของงานในภาคธนาคารสามารถถูกทำให้เป็นอัตโนมัติได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการประกาศล่าสุดของธนาคาร DBS ในสิงคโปร์ ที่อาจ 'ลดพนักงานหลายพันคน' ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ท่ามกลางกระแสความกังวลนี้ บิล เกตส์ ผู้ซึ่งคร่ำหวอดอยู่ในวงการเทคโนโลยีมาอย่างยาวนาน ได้นำเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไป

เขายอมรับว่า AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ใน "งานส่วนใหญ่" แต่เน้นย้ำว่ามนุษย์ยังคงเป็นผู้กุมบังเหียนในการตัดสินใจว่าจะนำ AI มาใช้อย่างไร และจะสงวนงานส่วนใดไว้ให้มนุษย์ทำต่อไป

Bill Gates คิดว่าอาชีพอะไรบ้างที่จะไม่ถูก AI แย่งงาน

นักเขียนโค้ด (Coders) : มุมมองนี้น่าสนใจเป็นพิเศษและอาจดูขัดแย้งกับความเห็นของผู้บริหารระดับสูงในซิลิคอนวัลเลย์หลายคน เช่น Jensen Huang (NVIDIA), Marc Benioff (Salesforce) และ Sam Altman (OpenAI) ที่ต่างออกมาเตือนหรือแสดงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดย Altman ถึงกับแนะนำให้คนรุ่นใหม่หันไปเชี่ยวชาญเครื่องมือ AI แทนการเขียนโค้ด

แต่เกตส์แย้งว่า (ตามรายงานของ Axios) แม้ AI จะสามารถสร้างโค้ดและผ่านการทดสอบทางเทคนิคได้แล้วก็ตาม แต่นักเขียนโค้ดที่เป็นมนุษย์ยังคง "จำเป็นอย่างยิ่ง" ในการระบุและแก้ไขข้อผิดพลาด, ปรับปรุงอัลกอริทึมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และที่สำคัญคือการสนับสนุนการพัฒนาของ AI เอง

นักชีววิทยา (Biologists) : แม้ AI จะมีความสามารถสูงในการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นหรือวิเคราะห์ข้อมูล DNA จำนวนมหาศาล แต่เทคโนโลยีนี้ยังขาด "ความคิดสร้างสรรค์" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงานวิจัยทางชีววิทยาและการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ

ทักษะการตั้งสมมติฐาน การออกแบบการทดลอง และการตีความผลในบริบทที่กว้างขึ้น ยังคงเป็นขอบเขตที่มนุษย์มีความได้เปรียบ

ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน (Energy Experts) : ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกตส์เชื่อว่า AI จะเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการช่วยบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานสะอาด แต่จะไม่สามารถเข้ามาแทนที่ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ได้ทั้งหมด

เนื่องจากภาคส่วนพลังงานมีความซับซ้อนสูง ทั้งในเชิงเทคนิค เศรษฐกิจ และนโยบาย การวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนานวัตกรรม และการจัดการระบบพลังงานขนาดใหญ่ ยังต้องการความรู้ความเข้าใจเชิงลึกและประสบการณ์ของมนุษย์

อย่างไรก็ตาม เกตส์ยังแสดงความกังวลในประเด็นที่เกี่ยวข้องว่า แม้จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้ง AI และเทคโนโลยีสะอาด (Cleantech)

โลกก็มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ภายในปี 2050 ตามที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากความท้าทายในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสีเขียวให้ทันต่อความต้องการ

แม้จะไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ แต่มุมมองของบุคคลผู้มีอิทธิพลในโลกเทคโนโลยีอย่าง Bill Gates ก็เป็นสิ่งที่น่ารับฟังและเป็นประเด็นสำคัญที่ทั้งคนทำงาน นายจ้าง และผู้กำหนดนโยบายควรให้ความสนใจ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ต่อไป

ที่มา : UniladTech