SHORT CUT
TSMC ยักษ์ใหญ่เซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก ยืนยันหนักแน่น เดินหน้าแผนการผลิตชิปกระบวนการ 2 นาโนเมตรสุดล้ำในไต้หวันภายในครึ่งหลังของปี 2025 ณ โรงงานแห่งใหม่ในเมืองเกาสง
TSMC ผู้ผลิตชิปตามสัญญาจ้างรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ออกมายืนยันคำมั่นสัญญาที่มีต่อบ้านเกิดอย่างแข็งแกร่ง โดยประกาศเดินหน้าโรงงานผลิตแห่งใหม่ ในเมืองเกาสง ทางตอนใต้ของไต้หวัน
ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างงานด้านเทคโนโลยีขั้นสูงกว่า 7,000 ตำแหน่ง แต่ยังจะเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับชิปที่ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิต 2 นาโนเมตร (2nm) ที่ล้ำสมัยที่สุดอีกด้วย
ในพิธีเปิดโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองเกาสง นายวาย.พี. ชีน (Y.P. Chyn) รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการร่วมของ TSMC ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะยังคงรักษาและขยายการลงทุนใน 'ไต้หวัน' ต่อไป
การประกาศนี้ช่วยคลายความกังวลในไต้หวันที่ว่า การมุ่งเน้นการลงทุนในสหรัฐฯ อาจลดทอนบทบาทและความสำคัญของ TSMC บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องประเทศ" เนื่องจากมีความสำคัญโดยตรงต่อเศรษฐกิจของไต้หวัน
ทางด้านนายกรัฐมนตรีไต้หวัน นายโช จุงไท (Cho Jung-tai) ได้กล่าวขอบคุณ TSMC ที่ยืนยันเจตนารมณ์ในการรักษา "รากฐานที่สำคัญที่สุด" ไว้ในไต้หวัน และยกย่อง TSMC ว่าเป็น "ทีมชาติ" ของไต้หวันเสมอมา
โรงงานผลิตชิป TSMC แห่งใหม่ที่เกาสง พร้อมด้วยโรงงานเดิมที่เมืองซินจู๋ (สำนักงานใหญ่) มีกำหนดจะเริ่มการผลิตชิป 2 นาโนเมตรในปริมาณมาก ได้ตามแผนในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 นี้ (ประมาณเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2025)
การมาถึงของเทคโนโลยี 2nm ถือเป็นก้าวสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ คาดว่าจะมอบประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และใช้พลังงานน้อยลง
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) อุปกรณ์เคลื่อนที่ยุคถัดไป ยานยนต์อัจฉริยะ และอื่นๆ อีกมากมาย
การที่ TSMC สามารถเดินหน้าการผลิตชิป 2nm ได้ตามกำหนดในไต้หวัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของบริษัท และส่งสัญญาณบวกไปยังลูกค้าคนสำคัญทั่วโลก เช่น Apple, Nvidia, และ Qualcomm ซึ่งต่างพึ่งพาชิปขั้นสูงจาก TSMC ในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของตน
แม้ TSMC จะเดินหน้าลงทุนครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งส่วนหนึ่งตอบสนองต่อแรงกดดันทางการเมืองในอดีตและความต้องการสร้างความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานให้กับบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน
แต่การยืนยันลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงสุดในไต้หวัน แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การรักษาสมดุลที่สำคัญของบริษัท การคงไว้ซึ่งฐานการผลิตและ R&D หลักในบ้านเกิด ช่วยรักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยีและบุคลากร ขณะที่การขยายตัวในต่างประเทศช่วยกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงตลาดสำคัญ
สถานะของไต้หวันในฐานะศูนย์กลางการผลิตชิปโลกยังคงเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทความสัมพันธ์กับจีน การที่ TSMC ยังคงปักหลักเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดไว้บนเกาะแห่งนี้ จึงไม่เพียงมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ แต่ยังมีความหมายในเชิงยุทธศาสตร์อีกด้วย
การยืนยันพันธกิจต่อไต้หวันและการเดินหน้าสู่เทคโนโลยี 2nm ของ TSMC ในครั้งนี้ นับเป็นข่าวใหญ่ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง และเป็นเรื่องราวที่ผู้สนใจในแวดวงเทคโนโลยีและ AI ทั่วโลกต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
การลงทุนต่อเนื่องในไต้หวันเป็นการบริหารความเสี่ยงด้านการรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี และใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศ (ecosystem) ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
แสดงให้เห็นว่า TSMC ต้องดำเนินกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เพื่อรักษาทั้งความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี (ในไต้หวัน) และความมั่นคงของการดำเนินงานในตลาดสำคัญระดับโลก (เช่น สหรัฐฯ)
ที่มา : REUTERS