Donald Trump ดีล TSMC ทุ่ม 1 แสนล้านดอลลาร์ ผุดโรงงานชิป 5 แห่งสหรัฐฯ

TSMC ผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก สัญชาติไต้หวัน ได้ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหม่มูลค่ามหาศาลถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการสร้างโรงงานผลิตชิปเพิ่มเติมอีก 5 แห่งในสหรัฐอเมริกา

โดยการประกาศครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นระหว่างการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

"เราต้องสามารถสร้างชิปและเซมิคอนดักเตอร์ที่เราต้องการได้ที่นี่" ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอย่างหนักแน่น

โดยเน้นย้ำถึงประเด็นความมั่นคงแห่งชาติที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันให้เกิดการลงทุนครั้งนี้ "มันเป็นเรื่องของความมั่นคงแห่งชาติสำหรับเรา"

แผนการลงทุนมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์นี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ TSMC ในการขยายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ โดยรายละเอียดของการลงทุนประกอบไปด้วย

• โรงงานผลิตชิป (Fabrication Plants) จำนวน 3 แห่ง มุ่งเน้นการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ล้ำสมัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีแห่งอนาคต
• โรงงานบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง (Advanced Packaging Facilities) จำนวน 2 แห่ง เสริมสร้างความแข็งแกร่งในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตชิปให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น
• ศูนย์วิจัยและพัฒนา (Research and Development Center) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ในระยะยาวในสหรัฐฯ

การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นส่วนเพิ่มเติมจากแผนการลงทุนเดิมที่ TSMC เคยประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

และรวมถึงการสร้างโรงงานแห่งที่สามในรัฐแอริโซนาภายในปี 2030 เมื่อรวมกับการลงทุนใหม่ครั้งนี้ จะทำให้เม็ดเงินลงทุนรวมของ TSMC ในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

เหตุการณ์นี้มีความน่าสนใจอย่างยิ่งในบริบทปัจจุบัน เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงหลากหลายประการ

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความขัดแย้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้กระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานชิปโลก

สหรัฐฯ พยายามลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากเอเชีย และการลงทุนของ TSMC สอดคล้องกับเป้าหมายนี้

การเติบโตของเทคโนโลยี AI, 5G, ยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ IoT ผลักดันให้ความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การลงทุนของ TSMC จะช่วยตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ และอาจส่งผลต่อราคาชิปในระยะยาว

แม้ว่าการลงทุนในสหรัฐฯ จะเป็นประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์ แต่ TSMC เองก็ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าในไต้หวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและราคาหุ้นของบริษัท

อย่างไรก็ตาม การลงทุนครั้งนี้ก็มาพร้อมกับความท้าทายทางธุรกิจที่ TSMC ต้องเผชิญ ทั้งในด้านต้นทุนการผลิต และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจใหม่ในสหรัฐฯ

อนาคตของ TSMC และอุตสาหกรรมชิปโลก จะเป็นอย่างไรต่อไป ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะยาว

ที่มา : REUTERS