SHORT CUT
OpenAI กำลังเร่งพัฒนาชิปเอไอรุ่นแรกที่ออกแบบภายในบริษัท เพื่อลดการพึ่งพาชิปจาก Nvidia โดยมีแผนส่งออกแบบให้ TSMC ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร ภายใต้การนำของอดีตผู้บริหาร Google, Richard Ho โดยจะผลิตจริงในปี 2025
OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT กำลังพัฒนาชิป AI ของตัวเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาชิปจาก Nvidia ซึ่งเป็นผู้ครองตลาดชิป AI ในปัจจุบัน
ชิปที่ออกแบบเอง (Custom chip) ช่วยให้ OpenAI สามารถปรับแต่งฮาร์ดแวร์ให้เหมาะสมกับความต้องการของโมเดล AI ของตนได้โดยเฉพาะ ซึ่งจะนำไปสู่ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและอาจลดต้นทุนในระยะยาว
บริษัทคาดว่าจะสรุปการออกแบบภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าและวางแผนส่งขั้นตอนการออกแบบเข้าสู่โรงงานผลิต (tape-out) ซึ่งกระบวนการนี้มีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลายสิบล้านดอลลาร์และอาจใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการผลิตชิปรุ่นสุดท้าย
ทีมนักออกแบบชิปของ OpenAI นำโดย Richard Ho อดีตผู้บริหารของ Google ผู้มีประสบการณ์จากการร่วมโครงการชิปเอไอระดับแนวหน้า ได้ขยายทีมขึ้นเป็น 40 คนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
โดยการผลิตครั้งนี้ยังมีความร่วมมือกับ Broadcom ในการพัฒนาชิปที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Systolic array ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในชิปของ Nvidia ร่วมกับการใช้หน่วยความจำประสิทธิภาพสูง (HBM) ซึ่งมีความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ครอบคลุม
ความก้าวหน้านี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ OpenAI ที่มองว่าการออกแบบชิปเอไอไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนและการพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการเพิ่มอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์รายอื่นอีกด้วย
หากขั้นตอน tape-out ครั้งแรกประสบผลสำเร็จ บริษัทคาดว่าจะเริ่มทดสอบและผลิตชิปในระดับจำนวนมากในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นทางเลือกแทนการใช้ชิปของ Nvidia
ในขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Meta และ Microsoft ต่างก็มีแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอไอในมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดชิปเอไอและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
แม้ว่าโครงการพัฒนาชิปของ OpenAI อาจเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและเวลาการผลิต แต่ความทะเยอทะยานในการลดการพึ่งพาชิปจากภายนอกยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมด้าน AI ในอนาคต
โดยรวมแล้ว ข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ OpenAI ในการเป็นผู้นำด้าน AI ไม่เพียงแต่ในด้านซอฟต์แวร์ แต่ยังรวมถึงฮาร์ดแวร์ด้วย การพัฒนาชิปเองเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรม AI
ที่มา : REUTERS