ญี่ปุ่นผลิตช้อนไฟฟ้า เพิ่มความเค็มโดยไม่เติมเกลือ เซฟชีวิตผู้ป่วยได้

ล้ำสุดใน 3 โลก ! ญี่ปุ่นผลิตช้อนไฟฟ้า เพิ่มความเค็มโดยไม่เติมเกลือ เทคโนโลยีที่ Save ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง-โรคไต และโรคอื่นๆได้อีกมาก

เรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยีถือว่า มีการพัฒนาอยู่ในทุกๆวัน และสิ่งที่มันพัฒนามาเหล่านี้ ก็จะสร้างประโยชน์ให้กับการใช้ชีวิต และจะช่วยให้ชีวิตดำเนินไปง่ายขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น และล่าสุด ที่ญี่ปุ่น เพิ่งได้ ช้อนเกลือไฟฟ้า (Electric Salt Spoon) ที่ผู้ใช้ สามารถรับรสชาติเค็มของอาหารได้ โดยไม่ต้องใส่เกลือลงในอาหารเลย

หากมองช้อนที่ช้อนไฟฟ้าตัวนี้ จากรูปลักษณ์ภายนอก ดูเผิน ๆ อาจดูเป็นช้อนธรรมดาอันนึง แต่ความจริงแล้วมันเป็นช้อนเกลือไฟฟ้า (Electric Salt Spoon) ที่ผู้ใช้ สามารถรับรสชาติเค็มของอาหารได้ โดยไม่ต้องใส่เกลือลงในอาหารเลย

การทำงานของช้อนไฟฟ้า ก็คือ ที่ตัวช้อนจะมีประจุไฟฟ้าอย่างอ่อนที่ควบคุมได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ซึ่งเมื่อผู้ใช้กดปุ่ม มันก็จะปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่สามารถดึง "โซเดียมไออน" (Sodium Ion) เข้าไปที่ต่อมรับรสเค็มที่บริเวณลิ้นของผู้ใช้ช้อนไฟฟ้าตัวนี้ได้

ล้ำสุดใน 3 โลก! ญี่ปุ่นผลิตช้อนไฟฟ้า เพิ่มความเค็มโดยไม่เติมเกลือ เทคโนโลยีที่เซฟผู้ป่วยความดันโลหิตสูง-โรคไต และโรคอื่นๆได้อีกมาก! Credit ภาพ REUTERS

โดยหากทานจากช้อนไฟฟ้าตัวนี้ จะรับรู้รสชาติเค็มได้เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า โดยไม่ต้องใส่เกลือลงในอาหารที่กำลังทาน และช้อนนี้สามารถนำไปชาร์จกับแบตเตอรี่ "ลิเธียม ไอออน" ด้วย คล้าย ๆ กับที่ เราชาร์จแบตของโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

นี่ถือเป็นนวัตกรรมที่อาจจะมีส่วนช่วยเซฟชีวิตผู้ป่วยได้เป็นจำนวนมาก และช้อนไฟฟ้าตัวนี้ ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ และโรคไต ที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการทานอาหารรสเค็มแล้ว เพราะใช้ช้อนเกลือไฟฟ้าอันนี้ ก็สามารถรับรสชาติเค็มได้เหมือนทานเกลือธรรมชาติ

โดยจากการเก็บสถิติแล้ว ที่ประเทศญี่ปุ่น ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทานเกลือวันละ 10 กรัม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่องค์การอนามัยโลก WHO กำหนดถึง 2 เท่า

ช้อนเกลือไฟฟ้านี้ ถูกพัฒนาโดยบริษัท "คิริน โฮลดิงส์" (Kirin Holdings) ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ของญี่ปุ่น และแตกไลน์ธุรกิจอีกหลายประเภท ซึ่งการผลิตช้อนเกลือไฟฟ้าก็นับเป็นธุรกิจแขนงใหม่ของทางบริษัท และเริ่มมีการเปิดขายทางออนไลน์แล้ว

โดยขายเพียง 200 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 4,500 บาท เมื่อคิดเป็นเงินไทย และจะเริ่มวางขายในต่างประเทศช่วงปีหน้า