Sam Altman ผู้สร้าง ChatGPT คิดล้ำ พัฒนา AI วิเคราะห์ม่านตาแจกคริปโท Worldcoin

Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เจ้าของ ChatGPT ระบบแชทบอทปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำที่ทำให้ทั้งโลกตื่นตัวเรื่อง AI ได้ซุ่มระดมทุนเพิ่มเพื่อพัฒนาโปรเจกต์เหรียญคริปโทฯ ชื่อว่า โปรเจกต์ Worldcoin ที่ต้องการสร้างความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจให้กับคนทั่วโลก ด้วยสกุลเงินสกุลเดียว ที่ทุกคนมี

สำหรับ Worldcoin จะสร้างความเท่าเทียมและความปลอดภัยให้ระบบการเงินของตัวเองโดยการใช้ "ม่านตา" (Iris Biometrics) เพื่อระบุตัวตน เพราะเชื่อว่าม่านตาจะถูกปลอมแปลงได้ยากกว่า และโอกาสสูญเสียอวัยวะน้อยกว่า เมื่อเทียบกับลายนิ้วมือ

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

• ก.ล.ต. ลงดาบ ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล Zipmex รับเต็ม 13 กระทง โทษปรับรวม 11 ล้านบาท
• Twitter เปลี่ยนโลโก้เป็น "หมาชิบะ" สัญลักษณ์ Dogecoin ราคาเหรียญพุ่ง 10 เท่า
• Bitkub ประกาศลงทุนใน ThaiGPT เตรียมพัฒนา AI สัญชาติไทย

โปรเจกต์ Worldcoin เป็นบริษัทลูกของ Tools for Humanity (แปลว่า เครื่องมือสำหรับมวลมนุษยชาติ) ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดย Sam Altman และ Alex Blania 

Alex Blania ผู้ร่วมก่อตั้ง โปรเจกต์ Worldcoin ระบุว่า แนวคิดการพัฒนาโปรเจกต์เกิดจาก AI ที่ฉลาดและคิดได้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ประกอบกับความต้องการที่จะแยกแยะระหว่างมนุษย์จริง ๆ บนโลกออนไลน์ กับ บัญชีปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงอีกทีหนึ่ง การสแกนม่านตาจึงเป้นคำตอบ

"ม่านตาคือทางออกเดียวของการระบุตัวตน เพราะหลักฐานอื่นทางร่างกายภายนอก สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ลายนิ้วมือ ใบหน้า แม้กระทั่งเอกสารก็ยังถูกปลอมแปลงได้"

โปรเจกต์ Worldcoin จะมีการออก Token หรือเหรียญดิจิทัลที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ ทั้งหมด 10,000 ล้าน Token แบ่งเป็น

• 80% เป็นของผู้ใช้
• 10% แบ่งให้กลุ่มนักลงทุน
• 10% ใช้สำหรับพัฒนาเครือข่าย

ระยะแรกจะมีการแจกจ่าย Worldcoin ให้กับผู้คนให้ได้ถึง 1,000 ล้านคน โดยที่ผ่านมา Worldcoin ได้ติดตั้ง The Orb อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สแกนม่านตาแล้วใน 12 ประเทศ ทั่วแอฟริกา อเมริกาใต้ ยุโรป และเอเชีย

มีผู้ลงทะเบียนในโครงการแล้วประมาณ 1.7 ล้านคน ใช้งานผ่าน World App กระเป๋าเงินคริปโตฯ ที่สร้างขึ้นบน Ethereum แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดตัวเหรียญและแจกจ่ายเหรียญใดๆ แก่ผู้ที่ลงทะเบียน

ซึ่งในระยะแรกที่มีการประกาศออกมา ก็มีกรแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพราะนั่นเท่ากับว่าบริษัทได้ข้อมูลม่านตา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันตัวตนไปใช้งานแบบฟรี ๆ