ทำความรู้จักเส้นทางชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเตะเทควันโดเบอร์ 1 ของโลก ที่กวาดเหรียญทุกระดับการแข่งขันมาหมดแล้ว ทั้งเอเชียน เกมส์, ชิงแชมป์โลก ซึ่งเหลือแต่เพียง เหรียญทองโอลิมปิกเท่านั้น ที่เธอยังไม่เคยได้
จุดเริ่มสตอรี่ที่เหรียญทองแดง ริโอ 2016
.
ณ เข็มนาฬิกาเดินอยู่ปัจจุบัน เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สาววัย 23 ปี ซึ่งจะเข้าวัย 24 ปี ในเดือนหน้า วันที่ 4 สิงหาคมนี้... เธอคือความหวังอันสูงสุดในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ในครั้งนี้ เพราะด้วยดีกรีที่ เทนนิส พาณิภัค คือจอมเตะเบอร์หนึ่งของโลกในรุ่นนี้ - เธอคือ "ที่สุดในรุ่น"
.
อย่างไรก็ตาม หากกลับไปมองดูอดีต เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ริโอ ประเทศบราซิล ได้เกิดแมตช์ที่ถือเป็นอีกจุดหนึ่งพลิกผันครั้งสำคัญของเธอ ในรอบ 8 คนสุดท้าย ในรุ่น 49 กก. หญิงที่เธอลงแข่ง
วันนั้น เทนนิส พาณิภัค บนวัย 18 ปี (ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 ปี เธอคือแชมป์โลก ในรุ่นน้ำหนัก 46 กก. แต่ในริโอ เธอขยับน้ำหนักขึ้นมา 3 กก.) พบกับ คิม โซฮุย จากเกาหลีใต้ ในช่วงท้ายแมตช์ ขณะที่ เทนนิส พาณิภัค คะแนนนำอยู่ 4-2 แต้ม จนกระทั่งไม่กี่วินาทีสุดท้าย ก็เกิดเหตุการณ์ที่เธอยังจำไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้
“ตอนนั้นเหลือเวลาอยู่ 4 วินาที เขาก็บุกเข้ามา หนูก็เตะสวนกลับไป และเขาเตะหัวกลับมา คะแนนของเขาขึ้น แต่ของหนูไม่ขึ้น ก็โดนพลิกมาแพ้ไป" ณ วันนั้นแฟนกีฬาชาวไทยต่างอกหักผิดหวัง ฝันสลายกับจอทีวีที่ถ่ายทอดสด
“ความพ่ายแพ้ในโอลิมปิก 2016 ทำให้หนูบอกกับตัวเองว่า หลังจากนี้เจอใครหนูจะเตะไม่ยั้ง ต่อให้ต้องทำแต้ม 50 หรือ 60 แต้มก็จะทำ ไม่อยากเจอกับเหตุการณ์พลิกมาแพ้อีกแล้ว” - เทนนิส พาณิภัค เคยยืนยันเอาไว้ และเธอก็ก้าวข้ามความผิดหวังครั้งนั้นมาได้ ... แม้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เทนนิส พาณิภัค สู้จนจบด้วยเหรียญทองแดงโอลิมปิก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โตโยต้า ผู้สนับสนุนหลักโตเกียวโอลิมปิก จะไม่ลงโฆษณาในญี่ปุ่น
ก้าวข้ามน้ำตาจนเป็นเบอร์หนึ่งของโลก
.
เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ได้เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2016 ทั้งที่ในความเป็นจริงเธออาจไปได้ไกลกว่านั้น หากไม่ได้พลาดในช่วง 10 วินาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เธอขอก้าวข้าม และขอลืมความเจ็บช้ำทั้งหมด ขอทิ้งบาดแผลรอยน้ำตาไว้ข้างหลัง...และขอทุ่มเทชีวิตให้กับการฝึกซ้อมเหมือนเดิม จนกระทั่งในเวลาต่อมา เธอได้ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในรุ่นนี้
และที่สำคัญ เธอยืนยันคำเดิมเสมอว่า เธอจะใส่ไม่ยั้งทุกวินาที ในทุกๆแมตช์
ว่ากันตามความจริง... เทสนิส พาณิภัค แข่งเทควันโดมาแล้วกว่า 15 ปี คว้าเหรียญทองมาถึง 32 เหรียญ และ เธอคือแชมป์โลกในรุ่น 46 กก. ตั้งแต่ปี 2015 ตั้งแต่วัย 18 ปี แต่หากคัดเฉพาะที่สำคัญๆ นั่นคือ...
เหรียญทองกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2017 , 2019
เหรียญทอง ชิงแชมป์โลก 2015 , 2017
เหรียญทอง กีฬาโอลิมปิกเยาวชน 2014
เหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย 2014 , 2016
เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2018
เทนนิส พาณิภัค ที่ต้องสู้กับตัวเอง
.
สำหรับ เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ มีคิวลงชิงเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ในวันเสาร์ที่ 24 ก.ค. นี้ ซึ่งสื่อต่างประเทศอาทิ สำนักข่าว เอพี คาดการณ์และวิเคราะห์ตัวเต็งเหรียญทองในกีฬาเทควันโดออกมาว่า ในรุ่น 49 กก.หญิง ยกเต็ง 1 คว้าเหรียญทองให้ ซิม เจ ยัง จากเกาหลีใต้ โดยที่ เทนนิส พาณิภัค ถูกจัดให้ได้เหรียญเงิน และทองแดง หวูจิงหยู จากจีน กับ คริสติน่า โทมิค จากโครเอเชีย
อย่างไรก็ตาม สำหรับ เทนนิส พาณิภัค ไม่มีอะไรต้องเกรงกลัวหรือหวั่นไหว กับการคาดการณ์ เพราะเธอผ่านจุดอุปสรรคมาแล้วทุกๆอย่าง เธอได้ ผ่านความฝันอันเลวร้ายมาแล้วในโอลิมปิก 2016
ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านไปเธอแข็งแกร่งและเสริมกระดูกแข็งขึ้นมาก พร้อมกับชั่วโมงบินในสนามที่โชกโชนบนสังเวียน เพราะที่สำคัญที่สุด คู่แข่งที่สำคัญที่สุดในครั้งนี้ คือ ตัวของเธอเอง
เพราะ ณ เวลานี้ ในรุ่น 49 ก.ก.หญิง เธอ คือที่สุดในรุ่น ทั้งร่างกาย ความคิด การแก้เกม รวมถึง ประสบการณ์
ที่ผ่านมา เทนนิส พาณิภัค มักจะพูดอยู่เสมอว่า จะไม่กดดันตัวเอง ทุกการแข่งขันคือการกดปุ่มรีเซต เริ่มต้นใหม่ ทุกรายการเธอไม่ได้ไปแข่งในตำแหน่งแชมป์โลก หรือเบอร์ 1 ของโลกแต่อย่างใด แต่ไปแข่งในฐานะนักกีฬาคนหนึ่ง ที่บางเกมอาจะมีแพ้และมีชนะ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทุกครั้งที่ลงสนามเธอทำเต็มที่ที่สุด
.
ไม่ว่า โอลิมปิก 2020 ครั้งนี้ จะจบด้วยความผิดหวัง หรือสมหวังของ เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แต่สิ่งที่แฟนกีฬาชาวไทยจะได้เห็นอย่างแน่นอน
นั่นคือ เธอจะไม่หยุดเตะ... เธอจะไม่หยุดออกอาวุธโจมตีใส่คู่แข่ง...เธอจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ เหมือนกับที่เธอเคยยืนยัน หลังจากเคยผิดหวังและเศร้ากับคราบน้ำตาในริโอ 2016...เธอจะเตะไม่ยั้ง!